บทที่ 264 สำรวจค่ายเทียนจี
ฉินเฟิงไม่สบอารมณ์
ก่อนหน้านี้ตกลงแล้วว่าทหารองครักษ์สามร้อยนายจะเป็นคนที่ฉินเฟิงคัดเลือกเอง
สุดท้ายกลับคำกันง่าย ๆ เลยหรือ!
นี่มันจะอย่างไร นอกจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเห็นว่ากำลังรบของทหารองครักษ์เลิศล้ำ แล้วอิจฉาอย่างยิ่ง จึงได้ยื่นมือเข้ามาแทรก
การที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงแย่งจำนวนรายนามอุดตำแหน่งว่างขององรักษ์ค่ายเทียนจีไป นั่นหมายความว่า ภายหน้าฉินเฟิงย่อมไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในการเสริมเติมกำลังทหารในค่ายเทียนจีอีกแล้ว
ผู้ใดจะรู้ว่าถึงเมื่อนั้นจักมีผู้มาด้วยเส้นสายเท่าใด
ทว่าเรื่องเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ!
กลัวก็แต่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงจะยัดสายสอดแนมเข้ามาค่ายเทียนจีเป็นกอง คอยจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวในที่นี้นั่นแหละ
แทบจะทันทีที่ฉินเฟิงคิดมาถึงตรงนี้ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ส่งสายตา
คนชุดดำด้านหลังทหารองครักษ์หลวงพลันหิ้วปีกเด็กหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเพิ่งอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น รูปโฉมธรรมดาดาษดื่น เป็นประเภทที่ถ้าหลงหายไปคงหาไม่เจอแน่
สิ่งสำคัญที่สุดคือหมอนี่หน้าตาเหลาะแหละ เมื่อเห็นฉินเฟิงก็เอาแต่โค้งตัวก้มศีรษะ
ฉินเฟิงเห็นคนผู้นี้แวบแรกก็รู้สึกไม่ชอบใจแล้ว!
เหตุผลนั้นมิใช่อย่างอื่น ผู้ใดที่เหลาะแหละทันทีที่พบหน้า แค่ก ๆ ที่แทบจะเหมือนเขา ล้วนเป็นการเสแสร้ง ยิ่งเบื้องหน้าปอดแหก เบื้องลึกก็ยิ่งอำมหิต!
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคลี่ยิ้มลุ่มลึก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวังดี “คนผู้นี้มีนามว่าสวี่ฉาง เป็นหนึ่งในทหารองครักษ์ลับของเจิ้น”
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงมิได้ปิดบัง เปิดเผยสถานะของสวี่ฉางตามตรงว่าเป็นหนึ่งในทหารองครักษ์ลับจำนวนนับไม่ถ้วนของเขา
“สวี่ฉางมาเป็นทหารองครักษ์ลับตั้งแต่สิบสามขวบปี ทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งมาสิบกว่าปีแล้ว แม้ไม่เคยสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ ทว่ามีเขาอยู่ ก็มิเคยมีเรื่องไม่คาดคิดใดเกิดขึ้นรอบกายเจิ้น ถึงไม่มีความดีความชอบก็ต้องเห็นแก่ความมุมานะ วันนี้ เจิ้นยกเขาให้เจ้าเพื่อเติมตำแหน่งว่าง”
พูดจบ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ส่งสายตาไม่ยอมให้คัดค้าน
ฉินเฟิงแทบหลุดหัวเราะด้วยความโมโห
กลัวสิ่งใดได้สิ่งนั้น!
ก่อนหน้านี้เพิ่งกังวลว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงอาจจะยัดสายสอดแนมเข้ามาในค่ายเทียนจี พริบตาเดียวก็เป็นจริงตามคาด
แต่เมื่อลองใคร่ครวญแล้ว นี่ก็มิใช่เรื่องแย่นัก
ถึงอย่างไรกำลังรบของทหารองครักษ์ค่ายเทียนจีนั้นก็แข็งแกร่งเกินไป ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงย่อมต้องระแวง แทนที่จะปล่อยให้เขาคาดเดาไปต่าง ๆ นานาเรื่อยเปื่อย จนเกิดเป็นความตะขิดตะขวงใจ มิสู้ให้ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงส่งสายสอดแนมเข้ามาในค่ายเทียนจีเป็นหูเป็นตาก็ดีเหมือน ฉินเฟิงจะได้ไม่ต้องใช้ฝีปากมากนัก
เมื่อคิดตกแล้ว ฉินเฟิงก็ตอบรับด้วยความยินดี “ขอบพระทัยในพระกรุณาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ทันใด สวี่ฉางวิ่งมาอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง แล้วประสานมือคำนับ “ผู้น้อยสวี่ฉางคารวะนายน้อยฉิน ได้ยินความปรีชาสามารถของนายน้อยมานาน วันนี้ได้พบตัวจริง องอาจสมอย่างที่ร่ำลือกันโดยแท้”
องอาจกับลุงแกสิ!
ฉินเฟิงลอบเบ้ปาก หมอนี่คือผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นสายสอดแนมอย่างแท้จริง ท่าทางวางตัวต่ำต้อยนั่นไม่แพ้ฉินเสี่ยวฝูสักนิด
เฮ้อ!
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ