เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 270

บทที่ 270 กรมขุนนางมาเป็นแขก

ฉินเฟิงถ่วงเวลาเช่นนี้จนกระทั่งหนึ่งชั่วยามผ่านไป อู๋เหมี่ยน เสนาบดีกรมขุนนางก็มาถึงด้วยสีหน้ามืดทะมึน เมื่อเห็นฉินเฟิง เขาก็ตวาดเสียงดัง “ฉินเฟิง เจ้าต้องการอะไรกันแน่?!”

ต้องการอะไร?

นี่คือสิ่งที่ข้าควรจะถามเจ้ามากกว่า!

ฉินเฟิงยังคงนั่งไขว่ห้าง ไม่มีความตั้งใจที่จะคารวะแม้แต่น้อย เขากล่าวอย่างไม่อินังขังขอบ “ตอนนั้นอู๋ยงและข้ามีความบาดหมางกันในหอเซียนเมามาย หากท่านไม่พอใจก็ควรบอกกันตั้งแต่เนิ่น ๆ สิ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ต่อหน้าได้ ท่านเอาแต่ขัดแข้งขัดข้าอยู่เบื้องหลังเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เสนาบดีกรมขุนนางผู้สง่างามระดมมันสมองเพื่อจัดการกับนายอำเภอตัวเล็ก ๆ เช่นข้า ไม่อับอายขายขี้หน้าบ้างหรือ?”

อู๋เหมี่ยนแค่นเสียง ‘เหอะ’ เบา ๆ สะบัดแขนเสื้อขึ้น แล้วกล่าว “ข้าเป็นถึงเสนาบดีผู้มีเกียรติ จะหาเรื่องขุนนางตัวเล็ก ๆ เท่าเม็ดงาเม็ดถั่วเขียวอย่างเจ้าไปทำไม? ไร้สาระจริง!”

ตามที่คาด ขุนนางล้วนมีหนังหน้าหนากันทุกคน หน้าพวกเขาไม่แดงเลยสักนิดเวลาพูดโกหก

ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงเกือบถูกอู๋เหมี่ยนหลอกจนตาย หากเขาไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และมีความเข้าใจในพระทัยของฮ่องเต้ เกรงว่าคงจะถูกผลักเข้าสู่กับดักแล้ว

แต่ตอนนี้ แม้ว่าจะรอดพ้นจากหายนะของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง แต่ชายหนุ่มกลับทำให้หมิงอ๋องขุ่นเคือง

ขนาดนั่งอยู่ที่บ้านเฉย ๆ ภัยพิบัติก็ตกลงมาจากสวรรค์ได้ เขาไปทำบาปทำกรรมอันใดไว้กัน?

เมื่อเห็นว่าต่อให้ตายอู๋เหมี่ยนก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ ฉินเฟิงจึงแสยะยิ้ม “ใต้เท้าอู๋ ไม่อย่างนั้น ข้าจะให้ผลประโยชน์แก่ท่านสองเท่าจากที่มหาเสนาเกาตกลงดีหรือไม่? หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ช่วยบอกหลานชายสักหน่อยเป็นอย่างไร? “

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของอู๋เหมี่ยนก็ยิ่งมืดครึ้ม เขาตะคอกเสียงต่ำ “เจ้ามีหลักฐานใดที่แสดงว่าข้าสื่อสารกับมหาเสนาเกาอย่างลับ ๆ หรือไม่? ถ้าหากไม่! ข้าจะคุยกับฉินเทียนหู่เรื่องนี้ ในฐานะขุนนาง ขั้นของข้าสูงกว่าเจ้าไม่รู้เท่าใด และในฐานะญาติ ข้าก็เป็นผู้อาวุโสของเจ้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเรื่องขุนนางหรือเรื่องส่วนตัว เจ้าล้วนไม่ควรมาสร้างปัญหาที่นี่”

ฉินเฟิงรู้ดี แม้ว่าเขาจะเอามีดจ่อคออู๋เหมี่ยน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางยอมรับว่าสมรู้ร่วมคิดกับเกาหมิงแน่

อย่าว่าแต่ฉินเฟิงไม่มีหลักฐานเลย แม้ว่าจะมีหลักฐาน แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดอู๋เหมี่ยนได้

ท้ายที่สุดแล้วในฐานะหนึ่งในเสนาบดีทั้งหก ตำแหน่งของเขามั่นคงพอ ๆ กับภูเขาไท่ชาน เว้นแต่เขาจะก่อความผิดมหันต์ ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะสั่นคลอนได้

แต่การถูกกรมขุนนางแทงข้างหลังอยู่เสมอ ทำให้นายน้อยฉินโกรธมากจริง ๆ

ฉินเฟิงจึงขุดวิธีการแบบเก่าขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตำแหน่ง ‘ดาวหายนะของลูกหลานแห่งเมืองหลวง’ ก็ไม่สามารถปล่อยให้สูญเปล่าได้

ฉินเฟิงแสยะยิ้ม เขายิ้มจนอู๋เหมี่ยนเย็นสันหลังวาบ “ข้าได้ยินมาว่า นายน้อยอู๋ยงไม่ได้เผยโฉมหน้าในเมืองหลวงมาระยะหนึ่งแล้วเลยส่งคนไปสอบถาม พวกเขาบอกว่านายน้อยอู๋ยงไปเยี่ยมญาติที่อำเภอข้างเคียง บุตรชายเสนาบดีผู้มีเกียรติคงถูกรายล้อมไปด้วยดอกไม้ในทุกที่ที่ไปกระมัง? ไม่รู้ว่าช่วงนี้นายน้อยอู๋เชื่อฟังหรือเปล่า? ถ้าเขายังคงฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้านต่อไป เกรงว่าคงจะจบไม่สวย!”

อู๋เหมี่ยนอยู่ในราชสำนักอย่างราบรื่นมาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะขัดขาฉินเฟิงเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่เคยฉีกหน้าฉินเทียนหู่ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงหยิบยกเรื่องอู๋ยงขึ้นมา อู๋เหมี่ยนก็เดือดดาลทันที “ฉินเฟิง สิ่งที่ต้องห้ามที่สุดในราชสำนักคือการสร้างศัตรู ข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้รอบคอบ!”

ฉินเฟิงยักไหล่ ไม่เพียงแต่ไม่สนใจการคุกคามของอู๋เหมี่ยน แต่เขายังโบกมือให้ฉินเสี่ยวฝูราวกับจะต่อต้าน “ไปดูนายน้อยอู๋สักหน่อยเถิด หากมีเงินไม่พอใช้ ก็เอาเงินจากบัญชีค่ายเทียนจีส่งไปเพิ่ม ถึงยังไงลูกหลานภายในเมืองหลวงก็ย่อมต้องคอยดูแลกัน!”

ฉินเสี่ยวฝูยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้ววิ่งหนีไปอย่างกระตือรือร้นทันที

ฉินเฟิงเบนสายตาจับจ้องไปที่อู๋เหมี่ยน เขาแสร้งทำท่าทางไม่เป็นพิษเป็นภัย “การประชุมราชสำนักในวันนี้ หลานชายได้เรียนรู้หลักการหนึ่ง จึงอยากจะเล่าให้ใต้เท้าอู๋ฟัง กล่าวคือ ถ้าสุนัขกัดสุนัข มันจะเป็นฉากที่น่าสนุก ตราบใดที่ไม่กัดคนก็อยู่ได้นาน แต่หากกัดคนเข้า ไม่ว่าสุนัขจะสูงส่งแค่ไหนก็ต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนมาก

ในต้าเหลียงนี้มีคนเพียงผู้เดียวนั่นก็คือฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง และที่เหลือล้วนเป็นสุนัข

บทที่ 270 กรมขุนนางมาเป็นแขก 1

บทที่ 270 กรมขุนนางมาเป็นแขก 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ