บทที่ 273 งานเลี้ยงหงเหมิน
แส้ของฉินเฟิงยาวไม่ถึงสงครามที่ปะทุอย่างกะทันหันในเมืองเป่ยซี สิ่งที่ทำได้มีเพียงขนทรัพยาการต่าง ๆ ไปให้เมืองเป่ยซีโดยไม่สนต้นทุน ที่เหลือชายหนุ่มก็ทำได้แค่รอเท่านั้น
ถึงอย่างไร ในยุคนี้ก็มิอาจทราบข่าวแนวหน้าอย่างทันทีทันใดได้ ทุกครั้งที่รายงานสถานการณ์ศึกส่งกลับมา กว่าจะถึงเมืองหลวงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน อย่างช้าก็สามถึงห้าเดือน ไม่อาจคำนวณเวลาแน่นอนได้
หลังฉินเฟิงทำทุกสิ่งที่ควรทำและทำได้จนหมดแล้ว เขาถึงค้นพบว่าฉินเสี่ยวฝูหายตัวไป
นับตั้งแต่ข่าวการศึกส่งกลับมายังเมืองหลวง นายน้อยเจ้าสำราญก็มิเคยเห็นฉินเสี่ยวฝูอีกเลย ขณะที่เตรียมส่งคนไปตามหาฉินเสี่ยวฝู ทหารเฝ้าค่ายก็กลับเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน และประสานมือรายงาน “นายน้อย มีคนมาขอพบอยู่หน้าประตูขอรับ”
ฉินเฟิงมิได้คิดอะไรมาก ถามอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้ใดหรือ?”
ทหารเฝ้าประตูสั่นศีรษะ “ไม่คุ้นหน้าขอรับ ดูจากการแต่งตัวและกิริยาท่าทางแล้วเหมือนกับพวกนักเลงว่างงานมิมีผิด เอ่ยเพียงว่ามาจากอำเภอฝูอวิ้น เขาว่าบอกแค่นี้แล้วนายน้อยจะเข้าใจเองขอรับ”
ฉินเฟิงนึกสงสัยในใจว่า คนของหมิงอ๋องหรือ?
อีกฝ่ายเป็นถึงท่านอ๋อง ไยจึงไปข้องแวะกับนักเลงว่างงานเล่า?
ฉินเฟิงคิดไม่ตกและคร้านจะคิดต่อ เขาเพียงแค่ก้าวเท้าไปหา
แม้อยู่ห่างกันตั้งไกล แต่ชายหนุ่มก็เห็นบุรุษอายุราว ๆ สามสิบแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยปะ ผมถูกถักเป็นเปียม้วนเป็นมวยอยู่บนศีรษะ ปากคาบบางอย่างไว้ ดวงตาสอดส่ายไปทั่ว ดูท่าทางไม่หวังดีสักนิด
มองผ่าน ๆ แล้วเหมือนพวกอันธพาลมิมีผิดจริง ๆ!
อันธพาลผู้นั้นมองพินิจฉินเฟิง ไม่เพียงแต่ไม่เกรงกลัว แต่ยังคลี่ยิ้มพิลึก “ดูแล้วนายน้อยคงเป็นฉินเฟิงใช่หรือไม่ ฮ่า ๆๆ ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ได้พบ นับว่ามีสง่าราศีอย่างแท้จริง พี่ใหญ่ของข้าอยากรู้จักนายน้อยฉิน จึงได้เตรียมการต้อนรับท่านอยู่ที่หอหงส์ครวญ ขอนายน้อยฉินโปรดให้เกียรติด้วย”
แปลกยิ่ง!
ฉินเฟิงลอบสะท้อนใจ หมิงอ๋องผู้นี้ไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมจริง ๆ
เป็นถึงราชนิกุลกลับพัวพันกับอันธพาล มิน่าเล่า เหล่านายน้อยในเมืองหลวงถึงพยายามหลีกหนีจากท่านอ๋องผู้หยิ่งผยองท่านนี้นัก
ฉินเฟิงไม่สนใจไปร่วมงานเท่าใด
หนึ่งเพราะสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองเป่ยซีเป็นผลให้กิจหลวงรัดตัว ยากจะแยกร่าง
สองเพราะกลยุทธ์ในการรับมือกับหมิงอ๋องของฉินเฟิงคือเลี่ยงได้เลี่ยง หากไม่ถึงที่สุดจริง ๆ ก็พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะเสีย
ฉินเฟิงผายมือและยิ้มน้อย ๆ “วันนี้ไม่สะดวกจริง ๆ ค่อยนัดกันใหม่วันหน้าได้หรือไม่?”
เมื่อถูกปฏิเสธ อันธพาลผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขุ่นเคือง แต่ยังยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “นายน้อยฉินไม่สนความเป็นความตายของบ่าวผู้ซื่อสัตย์ของท่านเลยหรือ?”
คนผู้นี้หมายถึงฉินเสี่ยวฝูรึ?!
ฉินเฟิงขมวดคิ้วพลางเอ่ยเสียงเข้ม “ในเมื่อพวกเจ้ามีน้ำใจเยี่ยงนี้ ไฉนเลยข้าจะไม่รู้จักกาลเทศะ เจ้ากลับไปรายงานเสียเถิดว่า หากฉินเสี่ยวฝูปลอดภัย ข้าวมื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง แต่หากฉินเสี่ยวฝูถูกข่มเหงรังแก เมืองหลวงแห่งนี้ใช่ว่าอยากมาก็มา อยากไปก็ไปได้!”
อันธพาลผู้นี้หาได้เกรงกลัว เขาเพียงแค่ทำหน้าทะเล้น “นายน้อยฉินกล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก เช่นนั้นพวกเราจักรอการมาเยือนของท่านอยู่ที่หอหงส์ครวญ”
พอพูดจบ เหล่าอันธพาลก็ฮัมเพลงจากไปด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
ชูเฟิงยืนอยู่ด้านข้างมองแผ่นหลังที่ห่างออกไป แล้วเตือนเสียงเบา “นายน้อย ที่หอหงส์ครวญต้องเป็นเหมือนงานเลี้ยงหงเหมิน*[1] เป็นแน่”
“เหมือนงานเลี้ยงหงเหมินแล้วอย่างไร” ฉินเฟิงยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ชายหนุ่มบอกให้ทหารเฝ้าประตูค่ายไปเรียกหนิงหู่ พร้อมเอ่ยเสียงราบเรียบ “ที่นี่คือเมืองหลวงหาใช่อำเภอฝูอวิ้น เราจะต้องกลัวกระไร”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ