เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 281

บทที่ 281 มีแต่ข่าวร้าย

จดหมายฉบับที่สองส่งมาจากขบวนรถ

ขบวนรถขบวนแรกขนส่งเสบียงยุทธภัณฑ์ไปถึงอำเภอเฉิงจางแล้ว หากควบม้าเร็วจะใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น ทว่าขบวนรถเคลื่อนที่ได้เชื่องช้า คำนวณแล้วคงอีกสิบกว่าวันจึงจะถึงอำเภอเป่ยซี

จดหมายฉบับที่สามเป็นจดหมายตอบกลับสารโยกย้ายทหารก่อนหน้านี้ เป็นไปตามคาด ทหารม้า ทหารรถม้าศึก และกองทหารชายแดนต่างปฏิเสธคำขอของฉินเฟิงกันถ้วนหน้า โดยอ้างว่าบัดนี้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจึงผลีผลามมิได้

สรุปแล้วพวกเขาก็เห็นอำเภอเป่ยซีเป็นตัวตายตัวแทน

หากอำเภอเป่ยซีถูกยึดจักส่งผลกระทบเช่นไรต่อฉินเฟิง นั่นหาเกี่ยวอันใดกับพวกเขาไม่

จดหมายสามฉบับล้วนเป็นข่าวที่ไม่ดีนัก

ฉินเฟิงมองจดหมายฉบับสุดท้ายในมือ ละล้าละลังอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะรวบรวมความกล้าเปิดอ่าน สุดท้ายหลังได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย ชายหนุ่มก็ต้องหัวเราะขมขื่นออกมาอย่างอดมิได้

ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วน้อย ๆ “ข่าวไม่ดีเช่นกันหรือ?”

ฉินเฟิงส่ายหน้า เมื่อเห็นอย่างนั้นฉินเทียนหู่ก็พรูลมหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดก็มีข่าวดีบ้างแล้ว”

รอยยิ้มฉินเฟิงกลับยิ่งขมขื่น “มิใช่ข่าวไม่ดี ทว่าเป็นข่าวร้าย”

“ท่านพ่อทราบเรื่องคดีที่อำเภอผิงเหยาหรือไม่?”

เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกไป สายตาฉินเทียนหู่พลันเคร่งเครียด “หารือราชการเมื่อเช้า ฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องนี้อยู่ ภายในช่วงหนึ่งปี มีการส่งนายอำเภอไปผิงเหยาถึงสามนายแล้ว คนแรกป่วยด้วยโรคร้าย ดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็สิ้นใจ คนที่สองตกน้ำขณะตรวจตราการจัดการและเสียชีวิต คนที่สามเจอโจรภูเขาระหว่างไปรับตำแหน่งและถูกลอบสังหาร”

“ฝ่าบาทยังสงสัยอยู่ว่าอำเภอผิงเหยาเล็ก ๆ นั่นเหตุใดถึงเต็มไปด้วยอันตรายปานนี้”

ในเมื่อแม้แต่ฝ่าบาทยังกล่าวถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นจดหมายในมือฉินเฟิงก็ไม่นับว่าแปลกอะไร

ฉินเฟิงยื่นจดหมายให้ฉินเทียนหู่ทันที “นี่เป็นจดหมายจากกรมขุนนาง อีกเดี๋ยวจักมีการโยกย้ายข้า จึงส่งมาแจ้งล่วงหน้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเทียนหู่รับจดหมายมาและถามขึ้น “ให้ดำรงตำแหน่งนายอำเภออีกหรือ?”

ฉินเฟิงหัวเราะฝืดเฝื่อน “หนนี้มิใช่ หากแต่ส่งข้าไปเก็บภาษี… เนื่องจากนายอำเภอผิงเหยาไปดำรงตำแหน่งไม่ถึงเสียที อำเภอผิงเหยาจึงมิได้จ่ายภาษีมาสองปีแล้ว เพราะเหตุนี้ เกาหมิงจึงกราบทูลเสนอให้ข้าไปตรวจตราที่อำเภอผิงเหยา”

ฉินเทียนหู่กวาดตาผ่านจดหมาย แล้วโยนไปอีกด้าน สายตาเจือแววจนใจ “บัดนี้การศึกในอำเภอเป่ยซีอยู่ในจุดคับขัน พวกเป่ยตี๋ไม่ยอมตายใจ ทั้งยังอาจยกทัพใหญ่มารุกรานได้ทุกเมื่อ เวลาเยี่ยงนี้เจ้าควรได้นั่งควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวง คอยจัดสรรกำลังพล แต่กลับต้องไปตรวจตราอำเภอผิงเหยาในจังหวะเช่นนี้ เห็น ๆ อยู่ว่ามหาเสนาเกาใช้กลอุบายขัดขวางมิให้เจ้าได้บัญชาการศึก!”

เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นเดาได้ไม่ยาก

หากเป็นอดีต ฉินเฟิงย่อมต้องไปเข้าเฝ้าถึงในวัง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกจากเมืองหลวงง่าย ๆ

ทว่าครานี้สถานการณ์ต่างออกไป

อำเภอผิงเหยามิได้ไกลจากเมืองหลวงนัก ใช้เวลาเดินทางไปกลับเพียงสองวันเท่านั้น และเป็นการส่งไปตรวจสอบภาษีพืชผลเก็บเกี่ยว หน้าที่สบายเยี่ยงนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลด้านไหนล้วนไม่อาจปฏิเสธ

มิหนำซ้ำ เรื่องนี้เกาหมิงได้นำไปปรึกษาฝ่าบาทแล้วให้ฝ่าบาทมีกระแสรับสั่งลงมาเอง

ฉินเทียนหู่ครุ่นคิด ครู่หนึ่งถึงพยักหน้า “ยิ่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพียงใดยิ่งปฏิเสธได้ยาก เจ้าจงไปอำเภอผิงเหยาเสีย อย่างเร็วสามถึงห้าวัน อย่างช้าหกถึงเจ็ดวันก็กลับมาได้แล้ว กระนั้นข้าต้องขอเตือนเจ้าไว้ก่อนว่า เส้นทางไปอำเภอผิงเหยาต้องผ่านอำเภอฝูอวิ้น”

“คราวก่อนเจ้าทำร้ายหลี่หลางถึงเพียงนั้น นับว่าผูกใจเจ็บกับหมิงอ๋องแล้ว ระหว่างทางจงระวังตัวไว้ให้ดี เลี่ยงได้ให้เลี่ยง ส่วนด้านอำเภอเป่ยซีข้าจักส่งคนในกรมกลาโหมไปเฝ้าตามจุดพักม้า หากเจอกับทหารส่งสารที่มาจากทางอำเภอเป่ยซีจักสกัดรายงานไว้ แล้วนำไปส่งที่อำเภอผิงเหยา”

เมื่อได้ยินฉินเทียนหู่กล่าวเช่นนี้ ฉินเฟิงก็สบายใจขึ้น ชายหนุ่มมิได้ลังเล หมุนกายจากไปทันที

หลังออกจากห้องอักษร ฉินเฟิงมิได้รีบร้อนไปยังค่ายเทียนจี หากแต่ไปหลังจวน ไปหาพี่หญิงสี่จิ่งเชียนอิ่ง

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ