บทที่ 282 คารวะซื่อจื่อ
คนเราย่อมเปลี่ยนไป นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าไม่ได้พบหน้ากันมาเจ็ดปีแล้ว
แต่จากความมั่นใจที่แสดงออกมาในคำพูดของหลิ่วหงเหยียน ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของหลี่เซียวหลานได้ชัดเจน หรือในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้นางยังคงติดต่อกับหลี่เซียวหลาน?
เมื่อเผชิญกับคำถามของฉินเฟิง หลิ่วหงเหยียนกลับผ่อนคลายมาก “แม้ว่าน้องสามจะจากบ้านไปเจ็ดปีแล้ว แต่นางยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของข้าอย่างลึกซึ้ง แม้บางคนจะเปลี่ยนไป แต่น้องสามจะไม่เปลี่ยน”
หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ ฉินเฟิงรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น
อย่าว่าแต่หลิ่วหงเหยียนและหลี่เซียวหลานไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดเลย แม้ว่าพวกนางจะเป็นพี่น้องกัน แต่พวกนางก็แยกจากกันเป็นเวลาถึงเจ็ดปี ถือว่าเหินห่างกันเป็นเวลานาน
มิต้องพูดถึงใครอื่น แม้แต่เสิ่นชิงฉือก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เวลาที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับหลี่เซียวหลาน
จิ่งเชียนอิ่งไม่เพียงแต่ไม่กระตือรือร้น ทว่ายังมีทัศนคติเชิงลบ ถึงขั้นมีอคติอยู่ในใจ …คนที่กลับคืนสู่ดินแดนบรรพบุรุษพร้อมกับท่านแม่ เดิมทีควรจะเป็นนาง แต่หลี่เซียวหลานกลับคว้าโอกาสนั้นไปแทน
เมื่อเทียบกับความเฉยเมยของพี่หญิงใหญ่และการต่อต้านของพี่หญิงสี่แล้ว มีเพียงพี่หญิงรองหลิ่วหงเหยียนเท่านั้นที่ใกล้ชิดกับหลี่เซียวหลานอย่างยิ่ง นี่ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย
แม้หลิ่วหงเหยียนกับหลี่เซียวหลานจะติดต่อสื่อสารกันและกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังกระมัง?
หรือในเรื่องนี้จะมีความลับที่ไม่อาจให้คนอื่นล่วงรู้?
ฉินเฟิงบ่นอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตีหม้อดินให้แตกแล้วเค้นถามจนถึงที่สุด เพราะเขาพบว่าสีหน้าของจิ่งเชียนอิ่งไม่ค่อยดีนัก
ทันใดรถม้าพลันหยุดลงกะทันหัน
หลังจากนั้นสารถีหน้ารถม้าก็ตะโกนดังมา “นายน้อย ทางด้านหน้าผ่านไปไม่ได้ขอรับ”
ผ่านไปไม่ได้?
ถนนทางการเส้นนี้กว้างขวางและราบเรียบอย่างยิ่ง จะผ่านไปไม่ได้ได้อย่างไร?
ฉินเฟิงเปิดม่านมองดู เขาอดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ “ในที่สุดสิ่งที่ควรจะเกิดก็มาถึง”
ด้านหน้าขบวนมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ดูจากการแต่งกาย พวกเขาเหมือนกับทหารส่วนตัวที่นำโดยหลี่หลางก่อนหน้านี้ทุกประการ
แต่ในเวลานี้ ผู้นำหาใช่หลี่หลาง
ทว่าเป็นชายวัยยี่สิบปีคนหนึ่ง ชายคนนั้นสวมชุดหม่างฝู*[1] สีแดงเข้ม รองเท้าทางการ ดูหล่อเหลาและสง่างามมาก
ชุดหม่างฝูสะดุดตานัก
ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่านี่จะต้องเป็นหลี่จาง บุตรชายคนโตของหมิงอ๋องเป็นแน่
หลี่จางยืนอยู่กลางถนนหลวง เขาเอามือไพล่หลัง มองขบวนรถด้วยรอยยิ้ม “นี่คือขบวนรถของนายอำเภอเป่ยซี ฉินเฟิงหรือไม่?”
ต่อให้หลบก็หลบไม่พ้น
ฉินเฟิงจึงก้าวลงจากรถ ขณะนั้น เสิ่นชิงฉือก็คว้าข้อมือเขาไว้
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวอย่างกังวล “หมิงอ๋องเต็มไปด้วยกลอุบายมาโดยตลอด เจ้าควรระวังให้มากหน่อย อย่าได้ตกหลุมพรางเขา”
นับตั้งแต่สร้างความบาดหมางกับจวนหมิงอ๋อง ฉินเฟิงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับจวนหมิงอ๋องผ่านช่องทางต่าง ๆ แล้ว และเขาเข้าใจพวกหมิงอ๋องสามพ่อลูกไม่น้อย
ชายหนุ่มลูบหลังมือพี่หญิงใหญ่ทันที ก่อนจะพูดทะเล้นว่า “ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ที่เป็นห่วง”
เสิ่นชิงฉือแก้มแดงก่ำ ร่างกายราวกับถูกของร้อน หญิงสาวรีบหดมือกลับ พลางกล่าวเสียงกระเง้ากระงอดว่า “ข้าไม่ควรเตือนเจ้าเลยจริง ๆ”
คิกคิก!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ