บทที่ 286 ตรวจตราอำเภอ
หลิ่วหงเหยียนโค้งคำนับหลี่จางเล็กน้อย ถือเป็นการทักทาย
เสิ่นชิงฉือพยักหน้า ในขณะที่จิ่งเชียนอิ่งเพียงมองหลี่จางราวกับอากาศธาตุ ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
หลี่จางรีบทำท่าทาง ‘เชื้อเชิญ’ อย่างประจบสอพลอ การเคลื่อนไหวของเขาราวกับพร้อมจะพลีกายให้ “คุณหนูทั้งสาม โปรดเชิญทางนี้!”
เมื่อหลิ่วหงเหยียนและคุณหนูทั้งสองเข้าไปในหอสุรา หลี่จางก็มองตามแผ่นหลังสง่างามไม่วางตา อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แล้วยักคิ้วให้หลี่หลางที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าเห็นหรือไม่? นี่คือความงดงามของคุณหนูตระกูลฉิน ฝูอวิ้นบ้านเรา… อะแฮ่ม สตรีบ้านเกิดของเราไม่มีใครเทียบได้กับคุณหนูทั้งสามของจวนฉิน”
หลี่หลางพยักหน้าเหมือนคนโง่ เห็นด้วยอย่างมากกับคำพูดของพี่ชายคนโต “พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ ความงดงามไม่นับว่าสำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณหนูทั้งสามยังไม่ออกเรือน”
ทันทีที่สิ้นประโยค หลี่จางก็แทบจะน้ำลายหก
ฉินเฟิงโกรธเสียจนต้องคำรามเสียงต่ำ “ฉินเสี่ยวฝู ดาบของข้าอยู่ที่ใด? เอาดาบมาให้ข้า! ข้าจะสับขยะสองชิ้นนี้ให้ตายเสีย!”
พอฉินเฟิงตะโกนเช่นนี้ สองพี่น้องหลี่ก็สงบลงเล็กน้อย
หลี่จางรีบวาดแขนโอบไหล่ฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว พร้อมฉีกรอยยิ้มเชิงขอโทษบนใบหน้า “พี่ฉิน เจ้าอย่าตื่นเต้นไป! ดังคำที่ว่า ทุกชีวิตต่างรักในความงาม ข้าและน้องชายเห็นความงามของคุณหนูตระกูลฉินจึงหักห้ามใจไม่ไหวก็เท่านั้น ส่วนเรื่องแย่งชิงโฉมงามของผู้อื่น เราสองพี่น้องไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นแน่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลี่จางจงใจขยิบตา บอกเป็นนัยให้ฉินเฟิง แล้วกล่าวว่า “พี่น้องล้วนเข้าใจ”
จากนั้นฉินเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางพูดออกมาว่า “ต้องแบบนี้สิ!”
และในตอนที่นายน้อยฉินกำลังจะก้าวเข้าไปในหอสุรา จู่ ๆ โจวอวี้ฝูก็เข้ามาหาเขา “ใต้เท้าฉิน ตอนนี้ยังไม่ดึก ไยไม่ไปที่ศาลาว่าการเพื่อตรวจสอบงานทางการก่อนเล่าขอรับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขามองโจวอวี้ฝูอย่างพินิจพิจารณา “เจ้าเป็นใคร?”
โจวอวี้ฝูพยักหน้า โค้งคำนับ “ข้าน้อยมีที่ดินอยู่ในอำเภอผิงเหยาและมีร้านค้าหลายแห่งภายใต้ชื่อของตนเอง”
นายน้อยเจ้าสำราญอุทาน “โอ้ คหบดีเองรึ?”
โจวอวี้ฝูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จะเรียกเช่นนั้นก็ได้ขอรับ”
หลังจากยืนยันตัวตนของโจวอวี้ฝูแล้ว ฉินเฟิงก็ใจร้อน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใช่แล้ว ข้าได้รับคำสั่งให้มาที่อำเภอผิงเหยาเพื่อตรวจสอบ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับคหบดีอย่างเจ้า ต่อให้ตำแหน่งนายอำเภอจะว่างอยู่ก็ตาม แล้วรองนายอำเภอ อาลักษณ์ หัวหน้ามือปราบ พวกเขาไปอยู่ที่ใด? ตายกันไปหมดแล้วรือ? ไยจึงปล่อยให้เจ้ามาสอดมือสอดปากได้!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการแสดงพลังอันไร้ความปรานีของฉินเฟิง โจวอวี้ฝูสะดุ้งโหยงด้วยไม่ทันระวังตัว
เขารีบหันไปสบตากับคนข้าง ๆ
เมื่อพิจารณาถึงชื่อเสียงอันอื้อฉาวของนายน้อยฉินในเมืองหลวงแล้ว โจวอวี้ฝูก็ไม่กล้าใช้ไม้แข็ง เขาทำตัวนอบน้อมอย่างรวดเร็วและอธิบายด้วยเสียงต่ำ “ใต้เท้าฉิน ท่านไม่รู้อะไร รองนายอำเภอป่วยหนัก ส่วนหัวหน้ามือปราบก็ออกไปจับกุมฆาตกรพร้อมกับเจ้าหน้าที่มือปราบ เหลืออาลักษณ์ยังอยู่ เพียงแต่…”
โจวอวี้ฝูไม่ได้พูดต่อ เพียงชี้ไปที่ชายวัยกลางคนในฝูงชน สื่อให้ฉินเฟิงรู้ว่าชายคนนี้คืออาลักษณ์ประจำอำเภอผิงเหยา
ฉินเฟิงมองอาลักษณ์ผู้นั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
อาลักษณ์ผู้นี้ปากเบี้ยวตาเหล่ มือขวากำประสานบนหน้าอก นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของโรคหลอดเลือดในสมองตีบ
นายอำเภอมักประสบเรื่องร้ายซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุ
รองนายอำเภอบังเอิญติดโรค
หัวหน้ามือปราบออกไปจับกุมฆาตกรถือว่าติดภาระงาน
ตอนนี้แม้แต่อาลักษณ์ตัวน้อยก็ยังปากเบี้ยวตาเหล่
นี่มันไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ