บทที่ 288 บ้านเกิดเกาหมิง
หากเป็นเสียงต่อว่าของโจวอวี้ฝู สตรีผู้นี้ย่อมมิกล้าโต้แย้ง
โจวอวี้ฝูหันหลังประสานมือให้ฉินเฟิง เอาเหตุผลเข้าสู้ “ใต้เท้าฉิน สตรีผู้นี้มีนิสัยทารุณเด็กอย่างเห็นได้ชัด บัดนี้การกระทำชั่วช้าถูกเปิดโปงถึงได้โป้ปดมดเท็จหมายจะตบตาท่านขอรับ ข้าน้อยเสนอว่าให้ลงโทษสามไม้ดังเดิม ลงทัณฑ์สตรีสามานย์ผู้นี้ให้สาสม!”
ฉินเฟิงมิได้สนใจโจวอวี้ฝู สายตาจดจ้องอยู่กับคู่แม่ลูกตลอด ก่อนหน้าเขาตำหนิเสียงดุก็เพียงเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายยอมบอกความจริงเท่านั้น
ส่วนเรื่องทารุณกรรมเด็ก แน่นอนว่ามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ สตรีนางนี้ก็ร่างกายผ่ายผอมไม่ต่างจากเด็กในอ้อมแขน โหนกแก้มสูงนูนเพราะใบหน้าตอบ ดวงตาลึกโบ๋ นี่เป็นอาการของผู้ที่ขาดสารอาหารมานาน
แม้จะเข้าใจสถานการณ์ของสองแม่ลูก กระนั้นฉินเฟิงก็ยังประหลาดใจไม่น้อย
นี่คืออำเภอผิงเหยา อำเภอเกือบใหญ่ใกล้เมืองหลวง มิหนำซ้ำดูจากขนาดลานบ้านของสตรีผู้นี้แล้ว ก็นับว่าต้องเป็นผู้ที่ใหญ่โตในท้องที่แห่งนี้แน่ ๆ ต่อให้จะอยู่ในกลียุคเพียงใด ชีวิตลำเค็ญปานไหน ไฉนเลยจะไม่มีแม้แต่ข้าวให้กิน
ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้น่ากลัวว่าจะเกินกว่าขอบเขตการรับรู้ของฉินเฟิงไปแล้ว
เพื่อสืบให้ทราบความแน่ นายน้อยฉินมิได้ด่วนตัดสินใจ หากแต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น “สตรีผู้นี้โป้ปดมดเท็จหรือมีความจำเป็นซ่อนอยู่ยังมิควรสืบสาวหาความในยามนี้ รอพรุ่งนี้เช้าค่อยเปิดศาลว่าความไต่สวน ถึงตอนนั้นความจริงย่อมกระจ่างแก่ใต้หล้า”
เอ่ยจบ ฉินเฟิงก็เรียกหาชูเฟิงกับเสี่ยวเซียงเซียงมาข้างกาย ชี้คู่แม่ลูกตรงหน้าพลางกล่าวเสียงเบา “พากลับไปที่หอสุรา ยกน้ำยกอาหารมาให้แก่พวกเขา ดูแลพวกเขาให้ดี”
ฉินเฟิงกระจ่างแจ้งแล้วว่าอำเภอผิงเหยาแห่งนี้ซับซ้อนหนักหนา มันลึกล้ำจนนายอำเภอที่ศาลาว่าการตายกลางถนนได้ทุกเมื่อ ขืนทิ้งสองแม่ลูกไว้ที่นี่ พวกเขาต้องอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้แน่
ฉินเฟิงยัดเงินห้าตำลึงใส่มือสตรีนางนั้น เดิมจะให้สตรีนางนี้ใช้จ่ายภายหลัง แต่อีกฝ่ายกลับรับน้ำหนักห้าตำลึงเงินไม่ไหวจนโซซัดโซเซ นี่นางอ่อนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่
เมื่อเห็นฉินเฟิงปกป้องคู่แม่ลูก สายตาโจวอวี้ฝูก็อำมหิตขึ้นเรื่อย ๆ เขาคาดคั้นเสียงเข้ม “ใต้เท้า! เงินสามหมื่นตำลึงนั่น อย่าลืมเก็บเข้าคลังด้วยนะขอรับ!”
ประโยคนี้เป็นการข่มขู่กันเห็น ๆ
ทว่า…
ฉินเฟิงไม่เคยกลัวคำขู่ เขาหันมองโจวอวี้ฝูพร้อมรอยยิ้มสื่อความหมายทันที “ไม่ต้องรีบร้อน เงินเพียงสามหมื่นตำลึงเท่านั้น หากมีอันใดผิดพลาด ข้าควักเงินตัวเองอุดให้ได้ ส่วนสามหมื่นตำลึงเงินนี้พออุดค่าส่วยธัญพืชที่อำเภอผิงเหยาขาดจ่ายหรือไม่นั้น รอให้ข้าสืบจนทราบความแน่เสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
โจวอวี้ฝูลอบกำหมัด เดิมคิดว่าฉินเฟิงเก็บสามหมื่นตำลึงเงินนั่นไปแล้วจักหมดเรื่องให้ห่วง ผู้ใดเล่าจะคิดว่า มีคนจำพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงโผล่มาอีกแล้ว!
โจวอวี้ฝูมิได้เดือดดาล หากแต่คลี่ยิ้ม “ได้! รอว่าการพรุ่งนี้ ข้าน้อยเองก็อยากเห็นความสามารถของใต้เท้าเช่นกันขอรับ”
ฉินเฟิงตบบ่าโจวอวี้ฝู กล่าวเสียงเบา “วางใจได้ ถึงเวลานั้นแล้ว เจ้าไม่มาก็คงมิได้”
ฉินเฟิงพาสองแม่ลูกจากไป
ขามา โจวอวี้ฝูกับเหล่าคหบดีคอยประจบเอาใจไม่ห่าง พะเน้าพะนอเขาเหลือคณา
ทว่าขากลับ บรรดาคหบดีท้องถิ่นต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฉินเฟิงมิได้ใส่ใจ หลังกลับถึงหอสุราก็มิได้พักผ่อน แต่เรียกชูเฟิงเข้ามา “ประเดี๋ยวเจ้าออกไปกับข้า”
ชูเฟิงฉลาดหลักแหลม นางเข้าใจความหมายของฉินเฟิงทันที “นายน้อยกังวลว่าราตรียาวนาน ความฝันย่อมมากตาม เจ้าชั่วโจวอวี้ฝูอาจทำลายหลักฐานในคืนนี้ใช่หรือไม่?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ