บทที่ 294 เจอทหารดักซุ่มกลางทาง
ตามแผนป้องกันที่วางไว้ล่วงหน้า เพียงแค่การสนับสนุนจากแม่ทัพรถม้าศึก ฉีเหมิงก็จะสามารถรวบรวมกองหลังและป้องกันสนามรบแนวหน้าด้วยกำลังทั้งหมด ซื้อเวลารอจนกำลังเสริมมาถึงได้
ยามนี้กองทัพเป่ยตี๋ปิดล้อมเมืองจากทุกทิศทุกทาง ฉีเหมิงทำได้เพียงกระจายกำลังคนที่มีอยู่จำกัดไปยังกำแพงเมืองทั้งหมด และบัดนี้ก็เกิดการปะทะทุกด้าน
หากจะบอกว่าตอนนี้กำแพงเมืองอยู่ในกำมือของข้าศึกก็คงไม่เกินจริง ด้วยทหารเป่ยตี๋ได้รุกล้ำเข้ามาในกำเพงเมืองเพื่อสังหารหมู่พวกเขาแล้ว
ทหารเป่ยตี๋โหดเหี้ยมนัก พวกเขาไม่ปล่อยให้มีคนรอดชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่ทางการ ทหาร และพลเรือนในเมืองเป่ยซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้สุดใจ มิเช่นนั้นเกรงว่าเมืองคงจะถูกตีแตกไปนานแล้ว
ช่วงขณะนี้ทหารเป่ยตี๋กลุ่มหนึ่งรุกคืบผ่านกำแพงเมืองเข้ามาได้แล้ว พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน และกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังศาลาว่าการ
ฮูหยินฉิน หลินฉวีฉี และกลุ่มอาลักษณ์ประจำอำเภอซ่อนตัวอยู่ที่เรือนหลังของศาลาว่าการภายใต้การคุ้มครองของเจ้าหน้าที่มือปราบเจ็ดถึงแปดคนที่แทบไม่ต่างจากพลเรือนทั่วไป
ขณะที่หลี่เซียวหลาน นั่งอยู่คนเดียวในห้องโถง มองดูทหารเป่ยตี๋ที่พุ่งเข้ามาจากประตู ดวงตาของนางไม่สั่นไหวสักนิด เพียงแต่ขยับริมฝีปากเล็กน้อย “นายท่าน ท่านจะไว้ชีวิตครอบครัวบ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เมื่อเห็นหลี่เซียวหลานที่งดงามราวนางฟ้านางสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์ ทหารเป่ยตี๋หลายสิบนายก็น้ำลายหกไปตาม ๆ กัน
พวกเขาเข้าร่วมต่อสู้กับกองทัพมาเป็นเวลานาน จนลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ยลโฉมงามคือเมื่อใด มันไม่ง่ายเลยที่จะได้พบเจอหญิงสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาเช่นนี้!
ผู้นำของกลุ่มคนเป่ยตี๋ถือมีดเดินไปในห้องโถงด้วยสายตาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “เขตเป่ยซีเล็ก ๆ ที่เผชิญหน้ากับกีบเหล็กของกองทัพเป่ยตี๋ข้า เป่ยซีคิดต่อต้านดื้อรั้น จึงเป็นการยากจะระงับความโกรธของกองทัพโดยไม่ต้องสังหารคนในเมือง ไว้ชีวิตเจ้ารึ เกรงว่าคงจะไม่ได้! แต่ด้วยความงดงามของเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ตายช้ากว่าคนอื่นสักหน่อย”
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เหมือนสัตว์ร้ายของทหารเป่ยตี๋ หลี่เซียวหลานกลับไร้ความหวาดกลัว นางก้มศีรษะลงมองกริชในมือแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ในเมื่อนายท่านไม่เต็มใจที่จะไว้ชีวิตบ่าว เช่นนั้นบ่าวก็ทำได้แค่ฆ่าพวกท่านทั้งหมดแล้ว!”
ทหารเป่ยตี๋ราวกับได้ยินเรื่องขบขัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง
หัวหน้าหน่วยเป่ยตี๋อดหัวเราะลั่น “แม่นางน้อย เจ้าวางแผนจะฆ่าพวกเราอย่างไรเล่า?”
มุมปากของหลี่เซียวหลานยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้าดูให้ดีเถอะ!”
ทันทีที่จบประโยค กริชก็ลอยออกจากมือของนาง เนื่องด้วยไม่มีใครคิดว่าหลี่เซียวหลานจะกล้าลงมือจริง ๆ ในช่วงตื่นตระหนกจึงไร้ซึ่งการป้องกัน จากนั้นกริชก็เสียบเข้าไปที่ตำแหน่งกลางหน้าอกของหัวหน้าหน่วยเป่ยตี๋อย่างแม่นยำ
หัวหน้าหน่วยเป่ยตี๋ก็หยุดฝีเท้า ก้มมองเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากอกอย่างุนงง พลันสีหน้าค่อย ๆ ซีดขาว “แม่นางน้อย เจ้ามีฝีมือจริง ๆ…”
ตึ้ง!
หัวหน้าหน่วยเป่ยตี๋ล้มลงไปกองกับพื้น
ทหารเป่ยตี๋ที่เหลือผงะไปชั่วครู่ รอยยิ้มลามกบนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความกราดเกรี้ยวดุร้าย ทันใดทั้งหมดกระโจนเข้าใส่หลี่เซียวหลานเกือบจะพร้อมกัน
หลี่เซียวหลานดึงเชือกใต้โต๊ะแล้วโยนขึ้นไป เชือกเส้นนั้นพันรอบคานเหนือศีรษะของนาง ด้วยการดึงเชือกอย่างแรง หลี่เซียวหลานจึงสบโอกาสส่งตัวเองขึ้นไปบนคาน ก่อนจะหยิบคันธนูสั้นที่ซ่อนอยู่ ง้างยิงลูกศรสามลูกต่อเนื่อง สังหารทหารเป่ยตี๋ไปอีกสามนายติดต่อกัน
ทหารเป่ยตี๋ตกใจจนหน้าถอดสี เขายกโล่หนังเล็ก ๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทหารเหล่านี้เป็นแนวหน้าของการล้อมโจมตี พวกเขาจึงถือเพียงดาบและโล่เท่านั้น ไม่มีธนู เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เซียวหลานที่อยู่บนคาน ก็ใช้จุดแข็งหลีกเลี่ยงจุดอ่อน และนอกจากใช้โล่ต้านทานพวกเขาก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
ทักษะการยิงธนูที่แม่นยำของหลี่เซียวหลาน ประกอบกับโล่หนังขนาดเล็กของทหารเป่ยตี๋ที่เหมาะกับการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า ความสามารถในการป้องกันของมันเทียบไม่ได้กับโล่ขนาดใหญ่ พวกทหารเป่ยตี๋จึงทำได้แค่พยายามป้องกันจุดสำคัญของร่างกายส่วนบนเท่านั้น
คงจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายด้านล่างเปิดโล่งต่อหน้าหลี่เซียวหลาน แน่นนอนลูกธนูไม่ปักเข้าที่ขาก็ปักเข้าที่ช่องท้องส่วนล่างของพวกเป่ยตี๋อย่างแม่นยำ
ชั่วพริบตา ทหารเป่ยตี๋อีกหลายคนก็ล้มลงกับพื้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ