บทที่ 307 ผู้สูงศักดิ์เจ้าแผนการ
ฉีหยางจวิ้นจู่รู้ถึงความสำคัญของบิดาในหัวใจองค์หญิงใหญ่ผู้เป็นมารดาดี นางจึงรีบปลอบใจ “ท่านแม่ อย่าถือสานางแม่มดผู้นั้นเลย นางถือดีว่าปกครองวังหลังเพียงเพราะความงดงามและความโปรดปรานของฮ่องเต้ คนเลวย่อมได้รับผลกรรม ท่านเพียงแค่รอดูต่อไปก็พอแล้ว”
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ดีขึ้นเล็กน้อย นางถอนหายใจเบา ๆ “มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าพูด หากมองแค่เพียงความงดงาม มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย แม้แต่วังหลังนี้ก็ไม่อาจรองรับนางได้ กุ้ยเฟยไม่พูดอะไรก็ช่างเถิด พอนางพูดออกมาก็เหมือนแทงกริชใส่หัวใจของข้า ดวงตาของนางร้ายกาจยิ่งนัก”
“ฮูหยินฉินใช้สติปัญญาจนได้รับตำแหน่งก้าวมิ่งฟูเหรินเพียงไม่กี่วันหลังจากเข้าสู่เมืองหลวง แล้วบทสรุปเป็นอย่างไรเล่า? นางถูกกุ้ยเฟยกำจัด กลายเป็นหญิงชาวบ้าน หากไม่ใช่เพราะกุ้ยเฟยโชคร้าย องค์ชายใหญ่สิ้นชีพ ฐานะของนางในยามนี้คงเพิ่มขึ้นอีกหลายขั้น เกรงว่าแม้แต่ฮองเฮาก็ไม่อาจทำอะไรนางได้”
“ตระกูลหลินมีที่มั่นทางเจียงหนาน ควบคุมพ่อค้า อำนาจทางทหาร และการจัดการเกลือ เป็นตระกูลร่ำรวยชั้นนำในต้าเหลียง ในเมืองหลวงมีไท่เป่าหลินควบคุม วังหลังมีกุ้ยเฟยปกครอง พวกเขาปกคลุมท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังหวาดหวั่นต่ออำนาจนี้ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทยอมให้ข้าอยู่ในวังเพราะเห็นแก่สามีผู้ล่วงลับหรือ เขาเพียงต้องการให้ข้าตรวจสอบ ช่วยคานอำนาจกับกุ้ยเฟยในวังหลังก็เท่านั้น…”
ฉีหยางจวิ้นจู่ย่อมรู้ว่ากุ้ยเฟยร้ายกาจเพียงใด มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของนางแล้ว นางจะหลีกเลี่ยงมีดอันแหลมคมและยอมนิ่งเงียบได้อย่างไร
แต่เมื่อเห็นว่าองค์หญิงใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานจากกุ้ยเฟย ในใจฉีหยางจวิ้นจู่ก็ไม่มีความสุข นางกล่าว “ไท่เป่าหลินส่งคนไปสกัดกั้นและสังหารผู้ส่งสารจนนำไปสู่การตายของฉีเหมิง ความกล้ำกลืนครานี้ ฉินเฟิงไม่มีทางรามือง่าย ๆ แน่”
ฉินเฟิง…
ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เป็นประกายสดใส
เด็กคนนั้นเป็นเหมือนหนามแหลมคม ผู้ใดก็ตามที่แตะต้องเขา มือจะต้องอาบไปด้วยเลือด
อย่าว่าแต่การตายของฉีเหมิงเลย ยังมีเรื่องครั้งฮูหยินฉินถูกลดตำแหน่งกลับไปยังบ้านเกิดอีก ไม่ช้าก็เร็ว ฉินเฟิงกับตระกูลหลินจะต้องเกิดข้อขัดแย้งกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่
อารมณ์เศร้าหมองขององค์หญิงใหญ่พลันเบาบางลง นางกับฮ่องเต้ต้าเหลียงเป็นพี่น้องกัน เชื่อมโยงด้วยสายเลือด ย่อมมีนิสัยและงานอดิเรกเหมือนกัน เช่นเดียวกับฮ่องเต้ นางเองก็ชอบดูฉากสุนัขกัดสุนัขเป็นที่สุด
ช่วงขณะนี้เอง มีเสียงตะโกนหนึ่งดังมาจากข้างโรงดอกไม้ทิศตะวันตก
“สัตว์เลี้ยงของใคร ขัดหูขัดตาข้านัก!”
องค์หญิงใหญ่ผงะ กุ้ยเฟยยังไม่ได้ไปไหนไกล!
…
ฉินเฟิงในยามนี้กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ นานาประเดประดังเข้ามาไม่เว้น
แม้ว่าซุนเฟิ่งจะสารภาพหมดแล้ว แต่หลักฐานที่ว่าไท่เป่าหลินส่งเขาไปสกัดกั้นและสังหารผู้ส่งสารก็หาเป็นที่แน่ชัด น่าเสียดาย ข้อกล่าวหานี้เพียงหนึ่งไม่อาจทำกระไรไท่เป่าหลินได้
เมื่อซุนเฟิ่งถูกโยนออกจากค่ายเทียนจี เขาก็ถูกศาลต้าหลี่คุมตัวไป ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าคุกก็ถูกฆ่าปิดปากระหว่างทาง
ศาลต้าหลี่เป็นดั่งกระบอกเสียงของฮ่องเต้ต้าเหลียง พวกเขาประกาศต่อภายนอกว่าซุนเฟิ่งฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ความหวาดหวั่นที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงมีต่อไท่เป่าหลินลึกซึ้งเพียงใด…
ตราบใดไท่เป่าหลินไม่ได้คุกคามอำนาจของฮ่องเต้โดยตรง แม้ว่าเขาจะก่อความวุ่นวายขนาดไหน ฮ่องเต้ต้าเหลียงย่อมปิดตาข้างหนึ่งเสมอ
ด้วยศึกภายในและภายนอก ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่มีทางแตกหักกับตระกูลหลินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ จึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
ด้านอำเภอเป่ยซี ด้วยเป็นสนามรบสำคัญในช่วงแรกของสงครามแคว้น จากเดิมมีชาวบ้านน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก จากหลายหมื่น เหลือบแทบไม่ถึงหมื่น ราษฎรพากันย้ายบ้านหลบภัยสงครามสิ้น อำเภอเป่ยซียามนี้จึงแทบไม่ต่างจากดินแดนที่ตายแล้ว
หากต้องการสร้างอำเภอเป่ยซีขึ้นใหม่ จำนวนเงินลงทุนย่อมมหาศาล
เมื่อครู่เองหลิ่วหงเหยียนก็แจ้งปัญหาใหญ่ที่จริงจังอย่างยิ่งอีก…
บัดนี้บัญชีของค่ายเทียนจีว่างเปล่าแล้ว
เงินที่เหลืออยู่มีเพียงสามหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ