บทที่ 315 กำจัดหูตา
คำพูดง่าย ๆ เช่นนี้ทำให้สวี่ฉางหวาดกลัวเป็นที่สุด
แม้แต่ความเข้าใจของฉินเฟิงที่มีต่อภูมิหลังของสวี่ฉางก็ยังคลุมเครือ
ทว่าหลิ่วหงเหยียนที่อยู่ตรงหน้า นางกลับรู้จักเขาเป็นอย่างดี ราวกับว่านางได้ตรวจสอบตัวตนของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
สายตาของสวี่ฉางที่มองหลิ่วหงเหยียนเปลี่ยนไป แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นสงบ รีบประสานมือคำนับและกล่าวขออภัย “คุณหนูรองโปรดละเว้นข้าน้อยด้วย ข้าน้อยในฐานะองครักษ์ของค่ายเทียนจี ไม่สามารถออกจากค่ายเทียนจีได้หากไม่ได้รับคำสั่งจากนายน้อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วหงเหยียนก็ชูจดหมายขึ้นมาแล้วยิ้มละไม “เป็นเพราะเจ้าไม่กล้าออกจากค่ายเทียนจีโดยไม่ได้รับคำสั่งจากเฟิงเอ๋อร์ หรือเป็นเพราะเจ้าไม่กล้าออกจากเมืองหลวงโดยไม่ได้รับคำสั่งจากหน่วยองครักษ์ชุดดำกันแน่?”
สวี่ฉางรู้สึกกระวนกระวายใจและกำลังจะแก้ต่าง แต่ก็ถูกหลิ่วหงเหยียนขัดจังหวะเสียก่อน
“แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการเอาสถานะของข้ามากดดันเจ้า แต่ข้าก็เป็นพี่หญิงรองของเฟิงเอ๋อร์ และข้าก็มีตำแหน่งสำคัญในใจของเขา หากเจ้าขัดเจตจำนงของข้า ข้าก็จะไล่เจ้าออกจากค่ายเทียนจี แม้แต่เฟิงเอ๋อร์ก็จะไม่ขัดความตั้งใจของข้า หากเจ้าไม่สามารถทำงานง่าย ๆ เช่นการจับตาดูค่ายเทียนจีได้ ด้วยวิธีการของหน่วยองครักษ์ชุดดำ ตำแหน่งของเจ้าย่อมถูกคนอื่นแทนที่”
“ระหว่างเจ้ากับข้า แค่เข้าใจกันโดยไม่ต้องกล่าวก็เพียงพอแล้ว เหตุใดต้องทำสิ่งที่ส่งผลเสียกับตนเองด้วยเล่า?”
อารมณ์ของสวี่ฉางเริ่มหนักอึ้ง แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับฉินเฟิง เขาก็ยังสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยฉินเฟิงก็จะไม่มีวันต่อต้านฮ่องเต้ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริง ๆ
แต่หลิ่วหงเหยียนที่อยู่ตรงหน้าทำให้สวี่ฉางรู้สึกกดดันเป็นเท่าตัว สตรีผู้นี้ดูเหมือนจะไม่กลัวหน่วยองครักษ์ชุดดำและฮ่องเต้แม้แต่น้อย
ประหลาดแท้!
ตามบันทึกลับขององครักษ์ชุดดำ หลิ่วหงเหยียนเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมมากที่สุดในตระกูลฉิน นางดูแลจัดการแค่งานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เหตุใดจู่ ๆ นางถึงได้ดูดุดันถึงขนาดนี้?
เป็นเพราะการตรวจสอบหลิ่วหงเหยียนของหน่วยองครักษ์ชุดดำไม่ละเอียดเพียงพอ หรือเป็นเพราะทักษะการแสดงของนางแข็งแกร่งเกินไปกันแน่ แม้แต่หน่วยองครักษ์ชุดดำก็ยังถูกปิดหูปิดตาหรือ?
ในเมื่อไม่สามารถเข้าใจได้ก็ไม่ต้องคิดอีกต่อไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงดวงตาที่อ่อนโยนราวกับน้ำของหลิ่วหงเหยียน สวี่ฉางก็ไร้กำลังต้านทาน เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและรับจดหมายมา ออกจากค่ายเทียนจีพร้อมกับอู๋เว่ยและมุ่งหน้าไปยังอำเภอผิงเหยา
ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของสวี่ฉาง แต่ไม่มีสิ่งใดสมเหตุสมผลพอ กระทั่งเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันไปถามอู๋เว่ย “หัวหน้าอู๋ อำเภอผิงเหยานี้เป็นดินแดนบรรพบุรุษของเกาหมิง บัดนี้เกาหมิงถูกลดตำแหน่งกลับไปเป็นผิงเหยาในฐานะนายอำเภอ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลฉิน… คุณหนูรอง เหตุใดจู่ ๆ ถึงอยากส่งจดหมายกับเกาหมิงอย่างลับ ๆ เล่า?”
เป็นคุณหนูรองที่ส่งสารอย่างลับ ๆ หรือ? ไม่ถูก เป็นเจ้าต่างหาก… อู๋เว่ยถอนหายใจและยักไหล่ “เจ้าเปิดจดหมายดูด้วยตัวเองก็จะเข้าใจแล้วมิใช่หรือ?”
สวี่ฉางหัวเราะอย่างขมขื่น “หัวหน้าอู๋ล้อเล่นเก่งจริง ๆ นี่เป็นจดหมายลับของคุณหนูรอง ข้าน้อยจะกล้าดูได้อย่างไร?”
แต่อู๋เว่ยกลับไม่เห็นด้วย “เจ้าแค่เปิดมันออก หากมีเรื่องเกิดขึ้น ข้าจะรับประกันให้เอง”
สวี่ฉางขมวดคิ้ว ลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายเขาก็กัดฟันเปิดจดหมายดู ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะต้องรายงานตามความเป็นจริงต่อหน่วยองครักษ์ชุดดำในภายหลัง
แต่เมื่อเห็นเนื้อหาของจดหมาย สวี่ฉางกลับต้องตะลึงงัน
บนจดหมายว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
ขณะที่สวี่ฉางกำลังตกตะลึง เจ้าตัวพลันรู้สึกว่าคอของเขาถูกบีบรัด เขาถูกอู๋เว่ยคว้าเอาไว้ สวี่ฉางอยากจะหันศีรษะไปถาม แต่ก็จนปัญญา ด้วยอู๋เว่ยแข็งแกร่งเกินไป สวี่ฉางไม่สามารถขยับได้เลย และขณะที่กำลังจะตะโกนเสียงดัง เขาก็ถูกอู๋เว่ยกดลงไปที่พื้น
ครู่ต่อมาอู๋เว่ยดึงมีดสั้นออกจากเอวแล้วแทงสวี่ฉางเข้าที่ท้อง
“เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับเกาหมิงอย่างลับ ๆ ดังนั้นข้าฆ่าเจ้าก็สมเหตุสมผล!”
ดวงตาของสวี่ฉางเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งเขาหมดลมหายใจ ในฐานะสายของฮ่องเต้ เขากลับถูกกล่าวหาว่าก่อความผิดและถูกฆ่าเหมือนกับสุนัขจรจัดในถิ่นทุรกันดาร
อู๋เว่ยดึงมีดสั้นออกมา แล้วเช็ดเลือดบนมีด เขาไม่สนใจสวี่ฉางเลยสักนิด หันหลังและเดินกลับทันที


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ