บทที่ 318 หวนคืนสู่เจ้าของ
ในไม่ช้าฉินเฟิงก็ค้นพบจุดที่เกิดปัญหา
ด้านหลังพวกบุตรหลานของกรมพิธีการ มีคนผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้าง ใบหน้าฉายแววลำพองใจ คอยเอ่ยกระซิบกับเหล่าบุตรหลานที่อยู่รอบตัวเป็นครั้งคราว
โอ้!
เป็นอย่างนี้นี่เอง!
คนพวกนี้ทำงานร่วมกัน เขาตัดกุยช่าย*[1] ของฉินเฟิง
ถ้าร่วมมือกันละทิ้งการประมูล บุตรหลานกรมพิธีการก็จะซื้อถ้วยสุราอันล้ำค่าได้ในราคาเพียงพันตำลึงเงินเท่านั้น เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็จะเอาไปขายต่อในราคาที่สูง ส่วนกำไรแบ่งเท่า ๆ กัน
ฉินเฟิงมองนายน้อยที่เป็นหัวโจกอย่างครุ่นคิด นั่นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเฉียนเฉิง บุตรชายของเฉียนอวี้เสนาบดีกรมยุติธรรม
ในการประชุมราชสำนักครั้งก่อนฉินเฟิงได้ขัดขวางเส้นทางของเฉียนอวี้ในการชิงตำแหน่งมหาเสนา เพียงชั่วพริบตาเดียวเฉียนเฉิงก็มาล้างแค้นให้กับบิดาของเขา
จะจองเวรจองกรรมไปถึงเมื่อไหร่?
แต่จะว่าไปแล้ว
พวกเจ้าตัดกุยช่ายมาถึงหัวข้าแล้วรึ?!
ใครทนได้ก็ทนไป แต่ข้าทนไม่ได้!
ฉินเฟิงยกค้อนไม้ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติพลางเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ “มีใครจะประมูลอีกหรือไม่?”
ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงดังมาจากอีกมุม “ข้าจะจ่ายห้าพันตำลึงเงิน!”
สายตาทุกคู่ในสถานที่แห่งนั้นพลันจับจ้องไป
ก่อนจะเห็นว่าคนที่ให้ราคานั้นสวมเสื้อคลุมงดงาม ทว่ากลับดูไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย
อาจเป็นพวกคหบดีต่างถิ่น มาที่นี่เพราะชื่อเสียงของเขาอย่างนั้นหรือ?
เหล่าบุตรหลานของกรมพิธีการรีบหันไปมองเฉียนเฉิง เมื่อเห็นเฉียนเฉิงพยักหน้า พวกเขาก็ขึ้นราคาทันที “ข้าจะจ่ายเจ็ดพันตำลึงเงิน!”
คหบดีต่างถิ่นแปลกหน้าผู้นั้น พูดโดยไม่ลังเล “หนึ่งหมื่นตำลึงเงิน”
พริบตาเดียวที่แห่งนั้นก็แทบจะระเบิดทันที!
ไม่ใช่เพราะคหบดีผู้นี้ร่ำรวย แต่… เขาถึงกับกล้าที่จะหักหน้าพวกบุตรหลานกรมพิธีการ
ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมคงจะสังเกตเห็นนานแล้วว่า พวกบุตรหลานจากกรมพิธีการเป็นคนออกหน้า ชายที่อยู่เบื้องหลังคือเฉียนเฉิง บุตรชายของเสนบดีกรมยุติธรรม
เหล่าบุตรหลานขุนนางส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะประมูลเพราะกลัวเฉียนเฉิง
สีหน้าของเฉียนเฉิงฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
บุตรหลานพวกกรมพิธีการเข้าใจ จึงหันมองคหบดีต่างถิ่นอย่างไม่หวังดี ฝืนระงับความโกรธ “ข้าจะจ่ายหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงเงิน! เจ้าคนตัวเหม็น กล้าเสนอราคาแข่งกับข้า เจ้าคู่ควรแล้วรึ?!”
เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากพวกบุตรหลานกรมพิธีการ คหบดีต่างถิ่นก็หาได้กังวล เขาเอ่ยเบา ๆ ว่า “ข้าเป็นพ่อค้า เรื่องที่ทำกำไรได้ ข้าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร ทุกท่านคงทราบถึงมูลค่าของชุดถ้วยสุราหลิวหลีนี้ อย่าว่าแต่หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงเงินเลย หากซื้อได้ในราคาหนึ่งแสนตำลึงเงินก็สามารถขายต่อเก็งกำไรได้อีก”
ขณะพูด คหบดีต่างถิ่นก็หยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อ “นี่คือตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงเงิน ชุดแก้วหลิวหลีนี้เป็นของข้า”
ความใจป้ำของคหบดีต่างถิ่นทำให้เหล่าบุตรหลานกรมพิธีการตกตะลึงอย่างมาก
ด้วยเงินมากกว่าหนึ่งแสนตำลึง บุตรหลานของกรมพิธีการไม่สามารถตัดสินใจได้อีกต่อไป พวกเขาทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเฉียนเฉิงเท่านั้น
เฉียนเฉิงไม่ลังเล ลุกขึ้นยืนตรง แล้วตะโกนเสียงดัง “พวกพ่อค้าบ้านนอก กล้ามาอวดดีในเมืองหลวง”
“แค่แสนตำลึงเงินนับเป็นอะไร”
เฉียนเฉิงโบกมือ “หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน! ฉินเฟิงโปรดเก็บชุดถ้วยสุราหลิวหลีส่งตรงไปที่หอวิจิตรศิลป์เพื่อมอบให้กับคุณหนูเสิ่น แม้ว่าหอวิจิตรศิลป์จะสง่างามอยู่แล้ว แต่ก็ขาดสิ่งหนึ่งที่สามารถเชื่อมโยงสถานที่แห่งนั้นไว้ด้วยกัน ชุดถ้วยสุราหลิวหลีชุดนี้สามารถเพิ่มความสูงส่งให้กับหอวิจิตรศิลป์ได้พอดี”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ