บทที่ 319 เท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า*[1]
ฉินเฟิงโบกมือไปมาอย่างอาจหาญ “ชุดถ้วยสุราหลิวหลีชุดนี้มีมูลค่าหนึ่งแสนตำลึงเงิน ใครอยากได้ก็รับไป”
จู่ ๆ บุตรหลานกรมพิธีการก็ลุกขึ้นตวาดเสียงเกรี้ยว “คนแซ่ฉิน เจ้าขุดหลุมพรางเก่งจริง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น เจ้าวางแผนที่จะขายด้วยเงินหนึ่งแสนตำลึง แต่กลับเสนอราคาเริ่มต้นที่หนึ่งตำลึงเงิน เจ้าได้เงินของนายน้อยเฉียนไปหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินอย่างหน้าด้าน ๆ ช่างไร้ยางอายนัก!”
เมื่อเห็นใบหน้าของเฉียนเฉิงเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว ทั้งยังกำหมัดแน่น ดูโกรธเกรี้ยวมากจนอยากจะทุบฉินเฟิงให้ตายในทันที…
ในใจฉินเฟิงก็ไม่อาจมีความสุขไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
เขาชื่นชอบสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ของอีกฝ่ายในยามนี้นัก
อยากอวดเบ่งก็ไม่นับว่าผิดอะไร
ต่อให้อวดเบ่งต่อหน้านายน้อยอย่างข้าก็ไม่เป็นอะไร
แต่ถ้าเจ้าอยากจีบสตรีข้างกายข้า เช่นนั้นมันก็เป็นความผิดของเจ้าแล้ว…
หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินนี้ถือเสียว่าเป็นการซื้อบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้าเถอะเฉียนเฉิง
ฉินเฟิงประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ไร้ยางอายรึ? ฮ่า ๆ ข้าส่งคนเข้าร่วมประมูล นี่ไม่ได้มีกฎกล่าวไว้ในแวดวงการประมูลเสียหน่อย อย่างที่ทุกท่านเห็น ในฐานะพ่อค้า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้าคือคำว่า ‘กฎ’ แล้วข้าจะเป็นผู้นำในการฝ่าฝืนกฎการประมูลได้อย่างไร?”
“ถ้ามันแพงเกินไปก็ไม่ต้องประมูล ทว่านายน้อยเฉียนยืนกรานที่จะประมูล ห้ามก็ไม่ฟัง เช่นนี้ จะมาโทษข้าได้หรือ?”
“อีกอย่างนายน้อยเฉียนจ่ายหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินเพื่อสร้างชื่อเสียงที่ดีในฐานะผู้มีอันจะกิน คนเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน แล้วพวกเจ้ามาขัดจังหวะอันใด ช่างเป็นอย่างคำที่ว่าฮ่องเต้ไม่รีบร้อนขันทีร้อนใจ จริง ๆ”
เหล่าบุตรหลานของกรมพิธีการหูแดงหน้าแดง หันไปมองทางเฉียนเฉิง
พวกเขากลับเห็นเพียงเฉียนเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึก เก็บความกล้ำกลืนฝืนทนลงไป
เขาพยายามฉีกยิ้มมุมปาก หรี่ตามองดูฉินเฟิงอย่างพิจารณา “ฮึ ๆ ในเมืองหลวงกล่าวกันว่านายน้อยฉินเป็นเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัข หากเกาะติดใคร คนผู้นั้นล้วนโดนลอกผิวเนื้อจนเลือดตกยางออก วันนี้ถือว่าข้าได้เปิดหูเปิดตา หึ ก็แค่หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน ข้าไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ!”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างขอโทษขอโพย แต่เยาะเย้ยอยู่ในใจ
ถือว่าให้เจ้าได้อวดเบ่งก็แล้วกัน!
แม้ว่าพ่อของเจ้าจะเป็นเสนาบดี แต่เงินเดือนประจำปีของเขาอยู่ที่สามแสนตำลึงเงิน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาประหยัดอดออมเงินไว้หลายแสนตำลึงเงิน แต่เจ้ากลับใช้จ่ายไปหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินในคราวเดียว ยังมีหน้ามาโอ้อวดอีก
ฉินเฟิงรู้ดีถึงหลักการตกปลาโดยไม่เสียน้ำ ดังนั้นเขาจึงผ่อนปรนกับบุตรหลานในเมืองหลวงพอควร อย่างมากหนึ่งเดือนขุดหลุมพลางเล็ก ๆ หนึ่งครั้ง สามเดือนค่อยวางแผนการใหญ่ พอให้บุตรหลานในเมืองหลวงได้มีโอกาสฟื้นตัว
รอกระทั่งคลังน้อย ๆ ของทุกคนได้เติมเต็มแล้ว ฉินเฟิงค่อยเดินออกไปข้างหน้าเพื่อเก็บเกี่ยวกุยช่าย
บุตรหลานเมืองหลวงพวกนี้มีเงินอยู่ในกระเป๋ามากแค่ไหน ฉินเฟิงรู้ดีกว่าพวกเขาเองเสียอีก
เมื่อเห็นเหล่าผู้ร่วมประมูลมองเฉียนเฉิงด้วยสายตาชื่นชม
ฉินเฟิงก็พูดขึ้นลอย ๆ “นายน้อยเฉียนใจกว้างนัก! หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับเจ้า ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าเสนาบดีกรมยุติธรรมชื่นชอบการดื่มสุรา นายน้อยเฉียนไม่สู้ออกเงินอีกแสนตำลึง ซื้อชุดถ้วยสุราหลิวหลีนี้กลับไปมอบให้บิดาของเจ้าเล่า”
ทันทีที่สิ้นประโยค ใบหน้าของเฉียนเฉิงก็ซีดลงทันที เขาแสร้งทำเป็นสงบพลางกล่าวว่า “พ่อ… ท่านพ่อของข้าชอบต้มสุรา ชุดถ้วยสุราหลิวหลีนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะให้ใช้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟิงเด่นชัด “ไม่เหมาะให้ใช้กับชอบดื่มสุราหรือไม่นั้นคนละเรื่องกัน ต่อให้ไม่อาจใช้ต้มสุราได้แต่ก็ยังเก็บสะสมเอาไว้ได้ หรือนายน้อยเฉียนคิดว่าชุดถ้วยสุราหลิวหลีนี้แพงเกินไป ท่านไม่มีเงินมากขนาดนั้น ถ้าจ่ายไม่ได้จริง ๆ ข้าจะให้ส่วนลดแก่เจ้า เป็นเก้าหมื่นเก้าพันตำลึงเงินดีหรือไม่?”
ลมหายใจของเฉียนเฉิงเริ่มถี่กระชั้น
หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินก่อนหน้านี้เป็นเงินเก็บเกือบทั้งหมดของเขาแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ขุนนางระดับล่างได้มอบของขวัญให้เขา
กระนั้นกว่าจะสะสมเงินได้มากมายเพียงนี้ไม่ง่าย แต่กลับถูกฉินเฟิงโกงไปต่อหน้าต่อตา
หากเขาใช้เงินอีกแสนตำลึงซื้อชุดถ้วยสุราก็ต้องใช้เงินในบัญชีของจวน หากท่านพ่อรู้เข้า เขาต้องโดนถลกหนังออกมาหนึ่งชั้นเป็นแน่



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ