บทที่ 321 ศัตรูตัวฉกาจ
ในศาลาที่รายล้อมไปด้วยบุปผานับพัน ทักษะการเย็บปักถักร้อยของกุ้ยเฟยพัฒนานัก คนภายนอกสามารถมองออกว่านกบนพัดคือหงส์สีสดได้ในครั้งแรก
นับว่าทักษะในการปักมีความก้าวหน้าขึ้นมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน เมื่อเทียบกับในช่วงหลายเดือนหรือหลายปีที่ผ่านมา
หลังจากเย็บตะเข็บสุดท้ายเสร็จ กุ้ยเฟยก็โยนพัดและถุงด้ายไปที่สาวใช้ พลางกล่าวอย่างเย็นชา “โยนมันทิ้งไป ข้าไม่อยากเห็นของที่ขวางหูขวางตาเหล่านี้อีก”
งานปักเป็นงานที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงมากที่สุดในบรรดาทักษะนับไม่ถ้วนของกุ้ยเฟย
เมื่อมองดูพุ่มไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้สีสันสดใสด้านนอกลาน สีหน้าของกุ้ยเฟยกลับมืดมนกว่าที่เคย ราวกับว่ามีชั้นน้ำแข็งบาง ๆ หนึ่งชั้นเคลือบอยู่
นับตั้งแต่นางเข้ามายังวังหลัง คู่ต่อสู้ที่นางพบเจอ ผู้ใดบ้างมิใช่มังกรหงส์ในหมู่คน?
หากยกตัวอย่างก็เช่น องค์หญิงใหญ่ผู้มีจิตใจไร้ก้นบึ้ง แต่ก็มิใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นั้นต้องเสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่าในกำมือของนางหรอกหรือ? อย่างแย่ที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็แค่ตีเสมอนางได้
ทว่า…ผู้ใดจะคาดคิด บัดนี้นางต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าเด็กเสเพลผู้หนึ่ง
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ภายในใจของกุ้ยเฟยรู้สึกคับข้องอยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้เฉียนเฉิงถูกส่งไปสร้างสถานการณ์ในงานประมูล นั่นก็เพียงเพื่อก่อกวน และหากเขาสามารถทำให้เจ้าฉินเฟิงรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาได้ กุ้ยเฟยย่อมมีความสุขทั้งกายและใจ
แต่ผู้ใดจะคิดว่า เฉียนเฉิงช่างไร้ประโยชน์ ถึงขนาดที่เจ้าฉินเฟิงลวงเขาเข้าไปติดกับดักด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ทั้งยังลากตระกูลหลินเข้าไปเกี่ยวได้เพียงเพราะถ้วยสุรานั่น
จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน!
ถูกโกงเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเป็นเพราะเฉียนเฉิงโง่เขลา ตนเองไร้ความสามารถ ไม่อาจตำหนิผู้อื่นได้
แต่กระทั่งสาวใช้ที่ติดตามกุ้ยเฟยมาหลายปีก็ไม่ได้ความเช่นกัน นางถึงกับถูกฉินเฟิงกักบริเวณโดยไม่รู้ตัว
ในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกนี้ กุ้ยเฟยไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ แต่ยังพ่ายแพ้อย่างหมดรูปอีกด้วย
กุ้ยเฟยคิดถึงแผนการตอบโต้อยู่ตลอดตั้งแต่นางกำลังปักพัดก่อนหน้านี้ ทว่า ณ ตอนนี้ก็ยังมืดแปดด้าน
วิธีการต่าง ๆ ของนางล้วนถูกนำมาใช้เพื่อรับมือกับคนที่มีเกียรติ แต่เมื่อพบกับนักเลงท้องตลาดอันธพาลไร้เหตุผลอย่างฉินเฟิง นางถึงกับ…
“มีอย่างที่ไหนกัน!”
“เจ้าสารเลวนั่นเล่นบทคนไร้เหตุผล แต่ข้าไม่สามารถเป็นคนไร้เหตุผลไปกับเขาได้กระมัง?”
“ใต้หล้านี้มีคนเจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนเช่นนี้ได้อย่างไร!”
กุ้ยเฟยขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่นางเสียกิริยาขนาดนี้ แต่นางไม่สนใจ นางหันกลับมามองสาวใช้ข้างกายที่เงียบกริบราวกับจักจั่นในฤดูหนาว “ส่งคนไปเจียงหนานเพื่อเตือนบ้านพี่ชายของข้า ช่วงนี้ให้เขาระมัดระวังคำพูดและการกระทำ ฉินเฟิงนั่นอวดดีจนเคยตัว หากเขาทำอะไรอย่างเช่น ประหารก่อนแล้วรายงานทีหลัง แม้ว่าจะสังหารเขาก็ยากที่จะชดเชยความเสียหายให้กับตระกูลหลินได้”
ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์ ฟังดูสดใสเบิกบานก็ดังมาจากทางโรงดอกไม้ทิศตะวันตก
เสียงหัวเราะนั่นช่างบาดหูนัก!
กุ้ยเฟยโกรธจัด นางตบฝ่ามือลงบนโต๊ะหินเสียงดัง ‘ปัง’ โต๊ะหินถูกตบจนแยกออกครึ่งหนึ่ง
“วันนี้ข้าออกจากประตูไม่ได้ดูฤกษ์ยาม ถึงได้เจอแต่พวกตัวก่อปัญหา!”
กุ้ยเฟยสะบัดแขนเสื้อ หันหลังจากไปด้วยความโกรธ
องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ภายในโรงดอกไม้ทิศตะวันตกย่อมได้ยินเสียงปังดังสนั่นนั่น และนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้ดังขึ้นอีกหน่อย นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สามีของนางจากไปที่องค์หญิงใหญ่หัวเราะอย่างเบิกบานเช่นนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉินเฟิงหนอฉินเฟิง ข้าชอบเด็กคนนี้มากจริง ๆ อย่าว่าแต่ในเมืองหลวงเลย กระทั่งทั่วต้าเหลียง ข้าก็เกรงว่าคงไม่พบใครที่สามารถทำให้กุ้ยเฟยพ่ายแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ได้อีกแล้ว”
“ข้ามองเขาไม่ผิด เท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า เขารู้ถึงข้อดีของตัวเองจึงยืนกรานจะเล่นบทหยาบคายและไร้เหตุผลกับกุ้ยเฟย สุดท้ายกุ้ยเฟยก็ทำอันใดเขาไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าองค์หญิงใหญ่มีความสุขมาก ภาพจำของฉีหยางจวิ้นจู่ที่มีต่อฉินเฟิงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ท้ายที่สุดแล้วความปรารถนาสูงสุดของฉีหยางจวิ้นจู่ก็คือการทำให้มารดามีความสุข



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ