เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 323

บทที่ 323 ทรราช

พ่อลูกสกุลเซี่ยยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในลานบ้าน

แม้ว่าเซี่ยปี้จะเผชิญกับคลื่นลมมานับไม่ถ้วน แต่ยามนี้ในใจก็ยังคงสับสนวุ่นวาย

แม้เขาจะยกเงินหกแสนตำลึงเงินให้ฉินเฟิงได้ในคราวเดียว แต่เงินจำนวนนั้นเป็นเงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิต เทียบไม่ได้กับพวกพ่อค้าร่ำรวยเหล่านั้น

ต่อให้สิทธิ์ตัวแทนของโรงหลิวหลีจะขายได้เพียงหนึ่งแสนตำลึงเงิน แต่แค่สามสิบหกแห่งก็เป็นเงินสามล้านหกแสนตำลึงเงินแล้ว นั่นเพียงพอสำหรับค่ายชายแดนทั้งหมดและค่าใช้จ่ายทางการทหารสองถึงสามปี!

เซี่ยปี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ข้ามีบรรดาศักดิ์เป็นถึงกง มีเงินเดือนประจำปีสองแสนตำลึงเงิน และใช้เวลาทั้งชีวิตเก็บออมมาได้หกแสนตำลึงเงิน ทว่าฉินเฟิงผู้นี้พูดเพียงไม่กี่คำก็หาเงินล้านได้อย่างง่ายดาย น่าทึ่งยิ่งนัก!”

ใบหน้าของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำ อารมณ์ของนางตีรวน ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความกลัวหรือความภาคภูมิใจ “ฉินเฟิงก็แค่มีความคิดแปลกพิสดาร”

แต่ใครจะรู้ว่าในใจฉินเฟิงกำลังเศร้าโศกแค่ไหน!

หากสงครามในเป่ยซีไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกและมีความเสี่ยงสูงที่การเงินของค่ายเทียนจีจะขาดแคลนได้ทุกเมื่อ เขาจะยอมขายสิทธิ์ตัวแทนได้อย่างไร บริหารโรงหลิวหลีทั้งหมดสามสิบเจ็ดแห่ง เองไม่ดีกว่าหรือ?

ตอนนี้สิทธิ์ตัวแทนได้ถูกยกให้เป็นเวลาสามปี

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในช่วงสามปีนี้ ขณะที่คนอื่นกินเนื้อ ฉินเฟิงทำได้เพียงดื่มน้ำแกงเท่านั้น ไม่ต้องถามเลยว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหน!

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เอง ประตูลานบ้านก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนสามคนที่สวมชุดผ้าแพรเดินย่างเท้าเข้ามา

เพียงกวาดตามอง ใครก็สามารถบอกได้ว่าชายสามคนนี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา

ชายวัยกลางคนที่ไว้เคราแพะเป็นผู้นำโค้งคำนับต่อฉินเฟิงและพูดด้วยท่วงท่าที่สง่างามเป็นพิเศษ “คารวะนายน้อยฉิน เราสามพี่น้องขอร่วมมือกันเพื่อดูแลโรงหลิวหลี! โรงหลิวหลีหนึ่งแห่งเป็นเงินสองแสนตำลึงเงิน เราต้องการยี่สิบแห่ง”

คราวนี้แม้แต่พ่อค้าที่ร่ำรวยในลานบ้านก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ

สิทธิ์ในการจัดการโรงหลิวหลีหนึ่งโรงเพิ่มเป็นสองแสนตำลึงเงิน แม้แต่พ่อค้าที่ร่ำรวยก็ต้องคิดให้รอบคอบ ไม่กล้าเข้าไปทะลุกลางปล้องอย่างไม่ไตร่ตรอง

ฉินเฟิงแอบคำนวณค่าใช้จ่ายทางทหารของอำเภอเป่ยซี บวกกับค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งองครักษ์เสื้อแพรและกองทหารม้าเกราะหนัก เงินสี่ล้านตำลึงนี้พอจะถูไถไปได้

ทว่าในตอนที่ฉินเฟิงกำลังจะประกาศ

ประตูเรือนก็ถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง

เมื่อเห็นบุคคลผู้ที่เข้ามาอย่างชัดเจน หัวใจของนายน้อยเจ้าสำราญก็เต้นรัว “แย่แล้ว”

หลี่จ้านถือพระราชโองการไว้ในมือ ไม่สนใจพ่อค้ารอบตัวที่กำลังคุกเข่าลง เขาเดินตรงไปที่แท่นด้านหน้า มองฉินเฟิงราวกับกำลังต่อว่า ‘เจ้าเด็กคนนี้กินข้าวคนเดียว*[1] รึ’

ขันทีเฒ่าไม่ชักช้าลีลา กางพระราชโองการของฮ่องเต้ออกแล้วอ่านเสียงดัง “กรมโยธา กรมพิธีการ และกรมคลัง ทั้งสามกรมได้ร่วมกันยื่นฎีกา เนื่องจากค่ายเทียนจีมีสิทธิพิเศษในการเข้าถึงช่องทางนำเข้าส่งออกเครื่องหลิวหลี ง่ายต่อการกักตุนสินค้า ผิดหลักตลาดเครื่องหลิวหลี เจิ้นห่วงใยใต้หล้า เกรงว่ากลไกตลาดจะถูกทำลายจึงสั่งให้ยึดโรงหลิวหลีทั้งหมดในค่ายเทียนจี”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็รู้สึกว่าหน้าอกของเขากำลังบีบแน่นราวกับจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ

เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงหน้าดำคร่ำเครียด หลี่จ้านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักและถ่ายทอดราชโองการต่อ “ทว่าเจิ้นไม่ใช่คนไร้เหตุผล โรงหลิวหลีทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยให้ค่ายเทียนจีเป็นจำนวนสองแสนตำลึง โรงหลิวหลีเป็นส่วนสำคัญของค่ายเทียนจี หากแยกออกมาเช่นนี้เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจ เจิ้นจะจ้างฉินเฟิงผู้บัญชาการค่ายเทียนจีให้เป็นหัวหน้างานโรงหลิวหลีเป็นกรณีพิเศษด้วยเงินเดือนห้าสิบตำลึงเงิน”

อะไรวะเนี่ย!

ฉินเฟิงแทบอยากจะพุ่งตัวไปฉีกพระราชโองการของฮ่องเต้ออกเป็นชิ้น ๆ อยู่หลายครั้ง

ราคาที่พ่อค้าร่ำรวยและฮ่องเต้ต้าเหลียงให้ล้วนเท่ากัน คือสองแสนตำลึงเงินต่อหนึ่งโรงหลิวหลี ปัญหาคือฝ่ายแรกเป็นผู้ถือสิทธิ์สามปี ฝ่ายหลังคือซื้อขาด

แล้วยัง… ให้ฉินเฟิงเป็นหัวหน้างานอะไรนั่นอีก

บทที่ 323 ทรราช 1

บทที่ 323 ทรราช 2

บทที่ 323 ทรราช 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ