บทที่ 324 จ่ายเงินซื้อชีวิต
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเฟิงก็ยิ้มเย็น หากกระต่ายกังวลก็ยังกัดคน ตาแก่ต้องการวางหลุมพรางข้าอยู่ทุกวันเลยสิน่า? ไม่มีทางซะหรอก!
ฉินเฟิงมองหลี่จ้าน สูดหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยอย่างจริงจังหาใดเปรียบ “หัวหน้าขันทีหลี่โปรดกลับไปบอกฝ่าบาทด้วยว่า เงินห้าล้านตำลึงขาดไม่ได้แม้แต่หนึ่งอีแปะ! ขอให้ฝ่าบาทเขียนใบเสร็จให้ข้าด้วย หากไม่สามารถจ่ายได้จริง ๆ ทหารม้าเกราะหนักห้าพันคนที่ข้าสัญญาไว้ก็จะถูกตัดออกไปเช่นกัน!”
ดวงตาของหลี่จ้านเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้ากล้ากำเริบเสิบสานกับฝ่าบาทรึ?!”
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ “ทำไมเล่า? ติดหนี้ต้องชดใช้ นี่เป็นบัญญัติสวรรค์! เรื่องตระกูลหลินเป็นข้าที่ออกแรง ไม่ขอเงินจากฝ่าบาทก็ไม่เลวแล้ว ยังต้องให้ข้าควักเงินอีก? มีสิทธิ์อะไรกัน! ต่อให้ข้าฉินเฟิงขี้ขลาดเพียงใดก็อารมณ์ร้ายได้!”
เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงเด็ดขาดเช่นนี้ หลี่จ้านก็ไม่ปัดความรับผิดชอบอีก เพียงกล่าวเสริมอีกประโยคว่า “ได้ รอเจ้าทำงานเสร็จแล้วมาที่พระราชวังสักเที่ยวเถิด”
ฉินเฟิงถอยหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าระแวดระวัง “จะทำกระไร?!”
หลี่จ้านยักไหล่และเอ่ยอย่างไม่แยแส “ก่อนหน้านี้เจ้าพาพี่น้องหลี่จางและหลี่หลางไปอำเภอผิงเหยา ฝ่าบาทต้องการพูดคุยกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย”
แม่เจ้าสิ! นี่ต้องการวางแผนส่งข้าไปข้างหมิงอ๋องหรือไร?
ฉินเฟิงเหี่ยวเฉาทันที เขากอดไหล่ของหลี่จ้านด้วยรอยยิ้มประจบประแจงบนใบหน้า “เงินแค่ห้าล้านตำลึงเงินไม่ใช่หรือ? ข้า ฉินเฟิงไหนเลยจะขาดเงินเพียงเล็กน้อยนี้?”
หลี่จ้านผลักฉินเฟิงออก หรี่ตาลงและแค่นเบา ๆ “หึ เจ้าหนู ระวังตัวหน่อย! ครั้งต่อไปหากยังกล้าพาครอบครัวของหมิงอ๋องออกจากอำเภอฝูอวิ้นเป็นการส่วนตัวอีก ฝ่าบาทจะคำนวณทั้งต้นทั้งดอกกับเจ้าอย่างชัดเจน”
ฉินเฟิงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าห้าล้านตำลึงเงินถูกจอมโจรเฒ่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงโกงไป
ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว เงินห้าล้านตำลึงนี้ก็พอจะนับว่าจ่ายได้คุ้มค่าอยู่บ้าง…
ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาของสวี่ฉางเท่านั้น แต่ยังช่วยซื้อชีวิตน้อย ๆ ของตนคืนมาได้อีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว การยุ่งกับครอบครัวของหมิงอ๋องก็ถือเป็นการแตะเกล็ดย้อนฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง
เมื่อหลี่จ้านจากไป งานประมูลนี้ก็จบลงด้วยความสำเร็จ… กับผีน่ะสิ!
โรงหลิวหลีขายได้สองล้าน เครื่องเคลือบหลิวหลีสองชิ้นขายได้ในราคาหกแสนห้าหมื่น บวกกับเงินส่วนตัวที่เซี่ยปี้มอบให้อีกหกแสน
รวมเป็นเงินสามล้านสองแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน
แค่ค่าใช้จ่ายทางทหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขยายการป้องกันเมืองเพียงอย่างเดียวของอำเภอเป่ยซี อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้หนึ่งล้านตำลึงเงินแล้ว
นอกจากนี้ยังมีอสูรกลืนทองอย่างทหารม้าเกราะหนัก รวมถึงกองคาราวานต่าง ๆ
ฉินเฟิงแทบจะร้องไห้ วันนี้ช่างเป็นวันที่ยากลำบากยิ่งนัก
ทั่วทั้งแคว้นขาดแคลนแรงสนับสนุนสงคราม
เขาฉินเฟิงสนับสนุนสงครามในอำเภอเป่ยซีเพียงลำพังจึงรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหว
เมื่อกลับมาถึงค่ายเทียนจีก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ในห้องบัญชี นอกจากหลิ่วหงเหยียน ตาเฒ่าฉินก็อยู่ที่นั่นด้วย
เดิมทีฉินเฟิงวางแผนจะเข้าไปมุดในอ้อมแขนของหลิ่วหงเหยียนเพื่อขอคำปลอบใจ แต่เขาไม่กล้าทำตัวหยาบคายต่อหน้าบิดา จึงทำได้เพียงพูดด้วยหน้าตามอมแมมน่าสงสาร “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้?”
ฉินเทียนหู่ถือถ้วยชาอยู่ในมือ เขาจ้องมองฉินเฟิงด้วยสายตามีเลศนัยและถามกลับ “ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าอวดดีไม่เบา? ทั้งยังทำเงินได้นิดหน่อย?”
ทำเงินได้ก็แย่แล้ว! ข้าแทบจะต้องถอดกางเกงชดใช้สิไม่ว่า
ฉินเฟิงสีหน้าเศร้าสร้อย กล่าวอย่างหดหู่ “บัญชีของค่ายเทียนจีกำลังตึงเครียด หอสุราและอุตสาหกรรมน้ำตาลก็หาเงินหมุนเวียนได้ช้า ชักหน้าไม่ถึงหลัง ลูกจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาเงินพิเศษที่เร็วกว่าเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ