บทที่ 326 ตั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรสำเร็จ
ฉินเฟิงครุ่นคิดไปตลอดทาง เรื่องเดียวที่สามารถปลอบประโลมจิตใจที่บาดเจ็บของเขาได้คืออ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่หญิงรองเท่านั้น ชายน้อยเจ้าสำราญเหมือนเด็กซุกซนที่ได้รับบาดเจ็บ พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของหลิ่วหงเหยียน
หลิ่วหงเหยียนใจเต้นแรง ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นด้วยความประหม่า ทว่าก็ไม่ได้หยุดการออดอ้อนของฉินเฟิงแต่อย่างใด
หลิ่วหงเหยียนใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวของฉินเฟิง มืออีกข้างลูบหลังอย่างนุ่มนวลพลางเอ่ยจริงจัง “ยกหอสุราธารหยกให้กับตระกูลเซี่ย ตระกูลฉินของเราและตระกูลเซี่ยก็จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีวันแยกจาก ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยมีความสำคัญสูงสุด เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของหนิงกั๋วกง ก่อนหน้านี้นางก็ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลฉินเรา ในภายภาคหน้าเจ้าอย่าได้ปฏิบัติต่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์อย่างเลวร้าย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินเฟิงก็เงยหน้าขึ้นมองหลิ่วหงเหยียนพลางพูดอย่างสับสน “ในภายภาคหน้า?”
หลิ่วหงเหยียนรู้จักฉินเฟิงดีเกินไป เจ้าเด็กคนนี้ต้องมีความคิดสกปรกอะไรอยู่แน่ ๆ แต่คิดไปคิดมาก็นึกไม่ออกว่าคำพูดของนางมีปัญหาที่ตรงไหน
หลิ่วหงเหยียนเพียงเพิกเฉยต่อฉินเฟิง แล้วพูดต่อ “ใช่ ในภายภาคหน้าเจ้าควรปฏิบัติต่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ให้ดี”
ฉินเฟิงลูบจมูกของเขาไปมา ฉีกรอยยิ้มชั่วร้ายที่หลิ่วหงเหยียนไม่เข้าใจ “ฮิ ๆ ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิด”
หลิ่วหงเหยียนกัดริมฝีปากบางเบา ๆ ยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากของฉินเฟิง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้านะเจ้า วัน ๆ เอาแต่คิดอะไรก็ไม่รู้”
ขณะที่ฉินเฟิงและหลิ่วหงเหยียนหมกตัวอยู่ในห้องบัญชี อำเภอเป่ยซีก็ได้เริ่มการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ภายใต้การนำของหลู่หมิง ช่างฝีมือกับชาวบ้านที่เข้ามาเติมเต็มตำแหน่งว่างได้เริ่มทำความสะอาดซากปรักหักพังภายในเมือง และตามแผนภาพของฉินเฟิง พวกเขาต้องเพิ่มความสูงกำแพงเมืองของอำเภอเป่ยซีจากเดิมหนึ่งจั้ง
การดำเนินงานนี้ ไม่เรียกว่ายิ่งใหญ่ก็คงไม่ได้
หลินฉวีฉีประสานมือไว้ด้านหลัง มองดูกำแพงเมืองที่มีผู้คนเดินไปมา อดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่สงสัยออกไป “หลู่หมิง พี่ฉินส่งเจ้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้เมืองจริง ๆ แต่การเพิ่มความสูงกำแพงเมือง อีกทั้งยังเพิ่งถึงหนึ่งจั้งในคราวเดียว ยังไม่ต้องพูดถึงระยะเวลาการก่อสร้างที่ยาวนาน แค่ค่าแรงเพียงอย่างเดียวก็ถือเป็นตัวเลขมหาศาลแล้ว…”
“คุณหนูรองได้เขียนจดหมายมาก่อนหน้านี้ บอกว่าค่ายเทียนจีกำลังประสบปัญหาทางการเงิน เราควรจะใช้เงินอย่างรอบคอบถึงจะถูก”
หลู่หมิงรู้ว่าทั้งค่ายเทียนจี นอกเหนือจากฉินเฟิงและคุณหนูทั้งสี่ หลินฉวีฉีคือผู้นำอีกคนหนึ่ง แม้แต่หนิงหู่กับสวีโม่ก็ยังต้องฟังคำสั่งของคนผู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้น หลินฉวีฉียังรับผิดชอบความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของฮูหยินฉินกับคุณหนูสาม อำนาจในมือของเขาไม่นับว่าน้อย
หลู่หมิงไม่กล้าประมาทและอธิบายอย่างรวดเร็ว “นายน้อยหลิน ข้าไม่ใช่คนตัดสินใจในเรื่องนี้ จริง ๆ นี่คือแผนการของนายน้อยฉิน ก่อนข้าเดินทางมา นายน้อยฉินมีคำสั่ง บอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แค่ก่อสร้างให้หมดก็พอขอรับ”
“หากกำแพงเมืองเพิ่มขึ้นหนึ่งฉื่อ บันไดล้อมกำแพงของกองทัพเป่ยตี๋จะต้องยาวขึ้นอีกสี่ฉื่อ แต่หากกำแพงเมืองสูงหนึ่งจั้ง บันไดจะต้องยาวขึ้นอีกสี่จั้ง บันไดแบบเรียบง่ายที่ทำจากไม้ธรรมดานั้นไม่แข็งแรงพอ ย่อมไม่สามารถเพิ่มความยาวขนาดนั้นได้ ครั้งต่อไปที่เป่ยตี๋ต้องการโจมตีเมืองจะต้องขนบันไดที่สร้างเป็นการพิเศษจากค่ายด้านหลัง อย่างไรก็ตาม บันไดนั่นต้องมีขนาดใหญ่ ไม่สะดวกในการขนส่งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังต้องเสริมกำลังทหารชายแดน ดังคำที่ว่าน้ำไกลไม่อาจดับความกระหายตรงหน้า”
“ไม่มีการป้องกันเมืองแบบไหนที่ใช้ประโยชน์ได้จริงเท่ากับการเสริมกำแพงเมืองให้สูงขึ้นแล้ว”
หลินฉวีฉีเองก็รู้เรื่องนี้ บันไดและกำแพงเมืองต้องอยู่ในมุมที่พอดี หากวางบันไดให้สูงชันเกินไปก็จะสามารถล้มหงายลงไปได้อย่างง่ายดายด้วยง้าวยาวหรือเสาไม้
หากต้องการป้องกันไม่ให้บันไดล้มก็ต้องรักษามุมให้รับกับกำแพงเมือง
เมื่อเสริมกำแพงเช่นนี้ ความยาวของบันไดฝ่ายเป่ยตี๋จึงต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก
การสร้างกำแพงเมืองเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์
แต่…

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ