เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 330

บทที่ 330 จัดระเบียบขุนนาง

ฮ่องเต้ต้าเหลียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าฉินเฟิงไม่ต่อบทสนทนาและทำตัวเป็นคนขี้ขลาดเหมือนกับเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ในราชสำนัก

หรือกระทั่งเด็กเหลือขอที่ฉลาดเฉลียวคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาในอำเภอชางผิงอย่างไร?

ฮ่องเต้ต้าเหลียงรักษาม้าตายเหมือนม้าเป็น*[1] ใช้ทั้งอารมณ์และหลักการมาโน้มน้าว “เห็นพสกนิกรต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เจิ้นเจ็บปวดยิ่งนัก แทบอยากจะติดปีกบินไปอำเภอชางผิง แบ่งปันความทุกข์ทรมานของชาวบ้าน น่าเสียดายที่ตอนนี้ต้าเหลียงกำลังเผชิญกับปัญหาทั้งภายในและภายนอก เจิ้นไม่เพียงต้องรับมือกับแรงกดดันทางทหารจากเป่ยตี๋เท่านั้น แต่ยังต้องจัดการการดำรงชีวิตและการเงินของผู้คนภายในแคว้น สำหรับอำเภอชางผิงนั้น เจิ้นมีใจอยากช่วยเหลือแต่ไร้กำลัง…”

ฉินเฟิงเผยสีหน้าหดหู่ ท่าทีเหมือนจะรู้สึกสิ้นหวังเช่นเดียวกันกับฮ่องเต้ต้าเหลียง

แต่ในใจกลับดูถูกเป็นอย่างยิ่ง

ความหมายโดยนัยของคำพูดฮ่องเต้ต้าเหลียงก็คือ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้อำเภอชางผิงกลายเป็นอย่างทุกวันนี้

‘พระทัย’ ของฮ่องเต้ต้าเหลียงอยู่กับผู้คนในอำเภอชางผิง

พูดตรง ๆ ก็คือ พูดเรื่องความรู้สึกได้ แต่อย่าพูดถึงเรื่องเงิน!

ในเมื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยที่มนุษย์สร้างขึ้นในอำเภอชางผิงไม่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ต้าเหลียง และไม่เกี่ยวข้องกับราษฎรในท้องถิ่น แต่อย่างไรต้องมีคนรับผิดชอบกระมัง?

นี่เป็นงานที่ทำแล้วไม่ได้ประโยน์ ถ้าไม่ระวังก็อาจจะต้องแบกโทษซ้ำเข้าไปอีก!

แกล้งทำเป็นยากจนหรือ? ใครก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ!

ฉินเฟิงถอนหายใจยาวทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “สุดท้ายแล้ว หากต้องการรักษาโรคร้ายแรงในอำเภอชางผิง มีทางแก้ทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือใช้เงิน ส่งเงินไปซื้ออาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทุกปัญหาก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาแล้ว ถ้าไม่จัดสรรเงิน นโยบายการปกครองไม่อาจทำได้จริง ต่อให้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องใหญ่ดังฟ้าถล่ม”

“กระหม่อมก็อยากออกแรงช่วย น่าเสียดาย… สงครามในอำเภอเป่ยซีตึงเครียด การก่อสร้างฟื้นฟูเมืองก็ยิ่งใหญ่ นี่เพิ่งผ่านมาเท่าไหร่เอง? ทว่าค่ายเทียนจีก็เผชิญกับภาวะขาดดุลร้ายแรง เพื่อที่จะประหยัดเงิน ทุกคนในค่ายเทียนจีทั้งบนและล่างต่างประหยัดค่าอาหารเครื่องนุ่งห่ม กระหม่อมก็ไม่ได้กินอาหารดี ๆ มาหลายวันแล้ว เงินล้านตำลึงหมดไปกับการซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหาร สำหรับค่ายเทียนจีนี่นับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล”

เมื่อได้ยินดังนี้ ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ถอนหายใจ รู้สึกเห็นใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์ค่ายเทียนจี

เพียงแต่…

มีบางอย่างผิดปกติ ในสายตานั้นฉายแววดูถูกอย่างรุนแรง

ดูเหมือนเขาจะดุฉินเฟิงอย่างลับ ๆ ว่า ‘เจ้าเด็กสารเลว อย่าว่าแต่เจิ้นที่ซื้อโรงหลิวหลีแล้วให้เงินสองล้านตำลึงแก่เจ้าเลย แค่หลิวหลีสองชิ้นในการประมูลอย่างเดียวก็เพียงพอจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้แล้ว ทั้งต้าเหลียงใครจะร้องไห้ทำเป็นยากจนก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้นเจ้า! หากแสร้งทำเป็นไม่มีเงิน นั่นเท่ากับวอนหาเรื่องชัด ๆ!’

ฮ่องเต้ต้าเหลียงมีพระพักตร์โศกเศร้าเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เจิ้นทนไม่ไหวที่จะต้องทนเห็นผู้คนในอำเภอชางผิงแบกรับความทุกข์ทรมาน ในเมื่อไม่สามารถระดมทุนบรรเทาทุกข์ได้ เจิ้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสั่งตรวจสอบคลังของบุตรหลานขุนนางในเมืองหลวง ทรัพย์สินทั้งหมดที่ไม่สอดคล้องกับเงินเดือนของครอบครัวจะถูกยึดไปจุนเจืออำเภอชางผิง”

“พวกเราชาวต้าเหลียงแต่เดิมเป็นครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็ควรมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน”

ทันทีที่สิ้นประโยค ขุนนางที่เคยเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ก็แทบจะเดินเข้ามาร่วมวงทันที

พวกเขาต่างจ้องมองไปที่ฉินเฟิงด้วยสายตาที่ราวกับส่งเสียงว่า ‘ปากมากนักนะเจ้า’

บรรดาขุนนางในเมืองหลวง ไม่มีใครมือสะอาดไปกว่าใคร

แม้แต่ฉินเทียนหู่ที่ไม่เคยรับสินบน ใช้ชีวิตด้วยเงินเดือนของตนเพียงอย่างเดียว อยู่ในกฎตระกูลเข้มงวด ทว่าเขาก็มีตำแหน่งสูงส่งอำนาจมากล้น มัจจุราชไม่น่าเกรงกลัว ผีรับใช้รับมือยาก*[2] บ่าวรับใช้ในตระกูลย่อมใช้ประโยชน์จากฐานะที่โดดเด่นรับสินบนเป็นการส่วนตัว

เรื่องแบบนี้ หากเป็นในอดีตก็พอจะปิดตาข้างลืมตาข้างได้

ท้ายที่สุดแล้วธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น ไม่สามารถหักห้ามได้ ขอเพียงไม่ทำจนเกินไป การรับเงินสองสามร้อยตำลึงเพื่อผลประโยชน์ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ประโยคนี้ของฮ่องเต้ต้าเหลียงจึงเปรียบเสมือนการขว้างก้อนหินใส่ทะเลสาบที่นิ่งสงบให้เกิดกระแสคลื่นนับพัน

การตรวจสอบบัญชีและการจัดระเบียบขุนนาง เปรียบดั่งหายนะที่คาดไม่ถึงสำหรับขุนนางในเมืองหลวง และอาจจะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อชื่อเสียงการงานในอนาคตของพวกเขา

ขุนนางทุกคนแทบอยากจะพุ่งตัวไปฉีกปากของฉินเฟิงออกจากกันเสีย

พวกเขาคิดอยู่ในใจ ‘เจ้าเด็กคนนี้ ว่างจนไม่มีอะไรจะคุยแล้วหรือ? ไยจะต้องพูดเรื่องนี้? ไม่อยากไปก็ไม่อยากไปสิ มาบ่นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทำซากอันใด! ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า แสดงจนเวทีล่ม ไฟไหม้ประตูเมือง เดือดร้อนถึงปลาในบ่อ*[3] ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะหนีเลย’

แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า…

นี่คือสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ!

บทที่ 330 จัดระเบียบขุนนาง 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ