เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 333

บทที่ 333 เปิดอกพูดอย่างตรงไปตรงมา

ยุคสมัยหนึ่งหลี่ซวี่เคยรุ่งโรจน์ในเมืองหลวงมากเพียงใด?

เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการกรมคลังและดูแลกิจการการเงินของใต้หล้า ด้านหลังเขามีมหาเสนาเกาและองค์ชายรองเป็นผู้หนุนหลัง

อย่าว่าแต่ขุนนางใหญ่บุ๋นและบู๊ภายในราชสำนักเลย แม้แต่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงยังถือว่าหลี่ซวี่เป็นขุนนางที่ไว้วางใจที่สุด ฝ่าบาทขอคำแนะนำจากหลี่ซวี่ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครอง

แต่นั่นก็คืออดีต

นับตั้งแต่เจ้าฉินเฟิง ‘ตกน้ำ’ สมองถูกแช่แข็ง ทิศทางลมในเมืองหลวงก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

ประการแรก ฉินเฟิงอาศัยทักษะอันชาญฉลาดจนได้รับความสนใจจากฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง

ทักษะการกอบโกยเงินที่วิปริต ค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ความสำคัญของหลี่ซวี่

กระทั่งบัดนี้ภายในพระเนตรฮ่องเต้ต้าเหลียงมีเพียงไอ้หนูฉินเฟิงเท่านั้น

และภายในราชสำนักวันนี้ หลี่ซวี่จะไม่รู้สึกถึงความดูถูกและเหยียดหยามในสายตาฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงได้อย่างไร?

กระต่ายม้วยย่างสุนัข วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน*[1]

แม้แต่มหาเสนาเกาทำผิดพลาดเพียงครั้งก็ยังถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ นับประสาอะไรกับหลี่ซวี่เล่า?

อารมณ์ของเลขาธิการกรมคลังยิ่งหดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นท่าทางผยองอวดดีของฉินเฟิง เขาก็ยิ่งทุกข์ระทม จากความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดล้วนเหลือเพียงชีวิตหยุมหยิมสามัญธรรมดา!

หลี่ซวี่มีลางสังหรณ์ที่คลุมเครือว่าเส้นทางขุนนางของเขากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อเกาหมิงล้มลง ฝ่ายกรมคลังย่อมสูญเสียผู้สนับสนุน ความแข็งแกร่งถูกลดทอนเป็นอย่างมาก

ฉินเทียนหู่ไร้การโต้เถียงใด ๆ กับหลี่ซวี่ในราชสำนักเป็นเวลาสิบวันติดต่อกันแล้ว

หาใช่ว่าพวกเขาปรับความเข้าใจกันและจับมือยุติความขัดแย้งกัน เพียงแต่ฉินเทียนหู่ไม่ได้เห็นหลี่ซวี่อยู่ในสายตาอีกต่อไปต่างหาก

หลังจากออกจากพระราชวังต้องห้าม ในระหว่างทางกลับจวน หลี่ซวี่ไม่ได้ขึ้นรถม้า เขาเดินเคียงข้างฉินเฟิง เอามือไพล่หลัง ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ

หลังจากเดินมาระยะหนึ่งหลี่ซวี่ถึงได้เหลือบมองนายน้อยเจ้าสำราญจากหางตา

ตราบใดที่ฉินเฟิงได้เข้าไปในจวน ชายคนนี้จะต้องใช้ขนไก่เป็นลูกศร พลิกคว่ำจวนหลี่จนวุ่นวายอลหม่านอย่างแน่นอน

เกรงว่าถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็คงจะทำให้เรื่องราวใหญ่โต และเป่าลมข้างพระกรรณ์ของฮ่องเต้ต้าเหลียงเป็นแน่

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของหลี่ซวี่ แม้ข้อบกพร่องที่ไม่มีนัยสำคัญก็จะถูกขยายใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุด กลายเป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้

เฮ้อ!

หลี่ซวี่ถอนหายใจ ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจว่าตนมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เสียงที่ไม่รู้สำนึกชั่วดีของฉินเฟิงพลันดังขึ้นข้างกาย

“ใต้เท้าหลี่ ท่านเป็นคนเก่าแก่ในเมืองหลวงเช่นกัน คงคุ้นเคยกับขุนนางทุกระดับขั้นในเมืองหลวงเป็นอย่างดี หลานชายบังอาจถามท่าน ใต้เท้าหลี่คิดอย่างไรกับไท่เป่าหลินหรือ?”

หลานชาย?!

ฉินเฟิงถึงกับเรียกตนเองว่าหลานชายเลยรึ?

หลี่ซวี่ตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง ภายในใจแอบสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ได้จงใจเยาะเย้ยตนกระมัง? แต่น้ำเสียงของฉินเฟิงไม่ได้เยาะเย้ยเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังค่อนข้างจริงใจอยู่หลายส่วน

หลี่ซวี่ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฉินเฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาเลยไม่คิดให้ยุ่งยากใจอีก โพล่งออกมาว่า “ไท่เป่าหลินเป็นขุนนางระดับสูง แต่เขากลับประพฤติตัวเรียบง่าย ระมัดระวังในวาจาและการกระทำ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสร้างศัตรูในราชสำนัก เขาได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท และเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาขุนนางใหญ่”

เมื่อได้ยินการประเมินที่มีต่อไท่เป่าหลินของหลี่ซวี่ ฉินเฟิงก็หันศีรษะมองพลางกะพริบตา “ใต้เท้าหลี่ คำพูดที่กล่าวออกมา ตัวท่านเชื่ออย่างนั้นจริงหรือไม่?”

บทที่ 333 เปิดอกพูดอย่างตรงไปตรงมา 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ