บทที่ 335 บุกจวนไท่เป่า
หลิ่วหงเหยียนถูกฉินเฟิงหยอกล้อจนรับมือไม่ทัน พลันความขัดเขินก็เปลี่ยนเป็นความอับอายและฉุนเฉียว “ประเสริฐแท้ ปีกของเจ้าแกร่งกล้าแล้ว แม้แต่ข้าเจ้าก็กล้ากลั่นแกล้ง!”
หลิ่วหงเหยียนยื่นมือออกไปจะหยิกฉินเฟิง ตั้งใจจะสอนบทเรียนให้เจ้าเด็กสารเลวคนนี้ แต่ก่อนที่นิ้วของนางจะแตะถึงตัว ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือนางไว้ได้ก่อน
เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่กล้าหยอกล้อ แต่ยังกล้าต่อต้านอีกด้วย!
หลิ่วหงเหยียนยิ่งโกรธกว่าเดิม นางจึงยกมืออีกข้างขึ้นมา แต่ฉินเฟิงก็คว้าเอาไว้อีกครั้ง
คุณหนูรองทำได้แค่มองฉินเฟิงอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าปล่อยข้า! มิเช่นนั้น อย่าตำหนิว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ฉินเฟิงหัวเราะเบา ๆ “พี่หญิงรอง มือทั้งสองของท่านถูกข้าจับไว้แล้ว ตอนนี้ท่านเปรียบดั่งปลาบนเขียง ยังกล้ามาขู่ข้าอีกหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหลิ่วหงเหยียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางส่งเสียงขึ้นจมูก “ฮึ แล้วอย่างไรเล่า ข้าเป็นพี่หญิงของเจ้า เจ้ากล้าแตะข้าหรือ?”
ฉินเฟิงระงับความคิดชั่วร้ายในใจลงไปแล้ว แต่พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เหมือนกับว่าถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มหรี่ตาลงพลางขยับเข้าหาหลิ่วหงเหยียน
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้หลิ่วหงเหยียนสงบนิ่งมาก
ในใจของนางคิดว่า ฉินเฟิงคิดอยากจะทำแต่ไม่กล้า ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่กล้าทำผิด
ปรากฏว่าชั่วพริบตาต่อมา… หลิ่วหงเหยียนรู้สึกถึงสัมผัสแปลก ๆ บนริมฝีปาก มันแผ่วเบาราวกับแมลงปอสัมผัสผิวน้ำ
ในขณะนี้คุณหนูรองตกตะลึง สมองของนางพลันว่างเปล่า
นี่…
เจ้าเด็กบ้า ถึงกลับกล้าลงมือจริง ๆ เชียวรึ!
ความละอายและความฉุนเฉียวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจหลิ่วหงเหยียน ทว่าตอนที่นางกำลังจะระบิดอารมณ์ ฉินเฟิงก็ทาน้ำมันบนฝ่าเท้าหนีออกจากห้องบัญชีไปแล้ว
“เจ้าเด็กน่าตาย!”
“กล้าดียังไง… เจ้ากล้า…”
แก้มของหลิ่วหงเหยียนแดงปลั่ง รู้สึกแน่นหน้าอกเป็นระยะราวกับว่าเป็นไข้สูง เห็นได้ชัดว่านางอยากจะคว้าฉินเฟิงกลับมาตีเสียให้ก้นลาย! แต่สุดท้ายแล้วความโกรธนี้ก็จางหายไปเองราวกับว่ามันอยู่นอกเหนือการควบคุม
ไม่รู้ว่าสับสนอยู่นานเท่าใด อต่ในที่สุดหลิ่วหงเหยียนก็ผ่อนลมหายใจยาวออกมา มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย พึมพำขึ้นเบา ๆ “เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้ สุดท้ายก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว… “
เมืองหลวง ณ จวนตระกูลหลิน
เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยของขุนนางคนอื่น ๆ ขนาดของจวนตระกูลหลินไม่นับว่าใหญ่โตนัก ไม่มีแม้แต่สิงโตหินประดับอยู่นอกประตู เรียกได้ว่าถ่อมตนเป็นอย่างมาก
แต่วันนี้จวนตระกูลหลินถูกกำหนดให้คึกคักเป็นพิเศษ
กองทัพรักษาพระองค์สิบนายยืนอยู่ด้านนอกประตูจวนอย่างเป็นระเบียบราวกับนายประตู
และเมื่อเทียบกับยามปกติที่สวมเพียงเกราะเบา ในวันนี้กลับมีอาวุธครบมือ
พวกเขาสวมชุดเกราะที่ดูโด่ดเด่น เกราะสวมคอนั่นทำจากเกล็ดเหล็ก ยกสูงขึ้นปิดบังใบหน้ากว่าครึ่ง เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่แหลมคมคู่หนึ่ง
เกราะทับอยู่บนหน้าอก ด้ามหยกหลงเฉวียนห้อยอยู่ใต้ซี่โครง ในมือถือหอกยาวกว่าหนึ่งจั้งแปดฉื่อ
สมแล้วที่เป็นกองทัพรักษาพระองค์ที่คอยปกป้องแนวป้องกันสุดท้ายในเมืองหลวง พวกเขาคือทหารราบหุ้มเกราะหนักที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ขอแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกได้ถึงไอสังหารรุนแรงแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่กองทัพรักษาพระองค์ติดอาวุธครบมือ นั่นย่อมแสดงว่ามีผู้สูงศักดิ์ออกนอกวัง
ฉินเฟิงยืนอยู่ตรงข้ามกับกองทัพรักษาพระองค์ วางมือสอดไว้ในรอยแยกของอาภรณ์ ยกศีรษะขึ้นสูง เขย่งเท้าขึ้น แสดงให้เห็นใบหน้านายน้อยเจ้าสำราญอย่างชัดเจน ดูเข้าถึงบทบาทยิ่ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ