บทที่ 337 สงครามน้ำลาย
กุ้ยเฟยดูแลหกตำหนัก สูงส่งดังหงส์ ไม่ธรรมดาเสียยิ่งกว่าอะไร? ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังอยู่นอกตำหนัก ไม่ว่าจะส่วนรวมหรือส่วนตัวล้วนไม่เหมาะสม
แต่เมื่อพิจารณาว่ากุ้ยเฟยมักกระทำการอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดอยู่เสมอ
แม้ว่าไท่เป่าหลินจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ในเมื่อแม้แต่ไท่เป่าหลินยังไม่สนใจ พ่อบ้านจึงหันหลัง ออกไปโดยไม่มัวชักช้า
ผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงอันโอหังอวดดีดังมาจากด้านนอกประตู
“นี่คือเรือนหลังของจวนตระกูลไท่เป่าหรือ? จุ๊ ๆ ราวกับอยู่ในดินแดนเซียนเลยจริง ๆ”
“เรือนชั้นนอกเรียบง่าย แต่เรือนชั้นในเต็มไปด้วยเกียรติยศ สมกับเป็นไท่เป่า เน้นการปฏิบัติไม่ใช่ทฤษฎี”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้เป็นการเสียดสีไท่เป่าหลินว่าใช้วิธีการมิชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ ภายนอกสองแขนเสื้อใสสะอาด แต่แท้จริงแล้วรับสินบน บิดเบือนกฎหมายอย่างลับ ๆ
หากคนอื่นพูด ถ้อยคำเหล่านี้คงเป็นการสร้างหายนะให้กับตนเองอย่างแน่นอน
แต่เมื่อคำพูดออกมาจากปากฉินเฟิง ดวงตาของไท่เป่าหลินกลับยังคงสงบและหาได้ใส่ใจไม่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฉินเฟิงใกล้เข้ามา ไท่เป่าหลินจึงลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องด้านข้าง ไม่รู้ว่าเขาไม่เต็มใจหรือรังเกียจที่จะพบกับฉินเฟิงกันแน่
ทันทีที่ไท่เป่าหลินจากไป นายน้อยฉินก็เข้ามาถึงพอดี
เมื่อได้กลิ่นหอมจาง ๆ ในอากาศและม่านโปร่งที่ไหวเบา ๆ ตามสายลมตรงหน้า ฉินเฟิงจึงรู้ว่ากุ้ยเฟยในตำนานจะต้องอยู่ข้างหลังม่านโปร่งนี้เป็นแน่
ฉินเฟิงที่ตัวสั่นเทาเมื่อครู่ สงบลงแทบจะในพริบตา เขารีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว วาดรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมโค้งตัวคารวะทีหนึ่ง “ข้าน้อยฉินเฟิง ขอถวายบังคมกุ้ยเฟย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนผู้นี้ก็เป็นประมุขที่สูงศักดิ์ที่สุดในวังหลัง
ใครก็ตามที่ไม่แสดงเคารพต่อหน้ากุ้ยเฟยอาจเสี่ยงต่อการ ‘ประหารก่อนแล้วรายงานทีหลัง’
แม้ฉินเฟิงจะตอบสนองอย่างรวดเร็วเพียงพอ ทั้งยังระมัดระวังในคำพูดและการกระทำ แต่เสียงของสาวใช้ก็ยังคงดังขึ้นเบื้องหน้า
“รู้ทั้งรู้ว่ากุ้ยเฟยเสด็จ แต่ยังกล้าบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม!”
“ใครก็ได้ เอาชายผู้นี้ออกไปตัดคอเสีย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทหารรักษาพระองค์ติดอาวุธเบาหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนหลังพลันพุ่งเข้ามา
ทหารรักษาพระองค์ส่วนตัวเหล่านี้ต่างได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูจวนแล้ว พวกเขาต่างก็อัดอั้นไปด้วยความโกรธ เมื่อรู้ว่าฉินเฟิงบังอาจลงมือกับทหารรักษาพระองค์
ในเวลานี้เมื่อมีคำสั่งจากกุ้ยเฟย พวกเขาย่อมกดฉินเฟิงลงไปที่พื้นโดยไม่ลังเล
ไม่ทันไรก็มีเสียง ‘ชิ้ง’ ดังขึ้น
ทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งชักดาบของเขาออกมา หมายจะฟันไปที่คอของฉินเฟิงโดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายเอ่ยคำอธิบายใด ๆ
เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหัน ฉินเฟิงจึงได้แต่ตะลึงงันไปหมด
กว่าเขาจะได้สติกลับมา ดาบของทหารรักษาพระองค์ก็ถูกยกขึ้นกลางอากาศแล้ว
มารดามันเถอะ!
นี่เอาจริงอย่างนั้นเหรอ?!
ในใจฉินเฟิงทักทายบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของกุ้ยเฟยไปหนึ่งรอบทันที จากนั้นนายน้อยฉินก็รีบร้องคร่ำครวญเสียงดัง “กุ้ยเฟยไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยมาที่นี่เพื่อจัดระเบียบตามพระบัญชาของฮ่องเต้ หาได้มีเจตนาที่จะโจมตีผู้ใด โปรดเห็นแก่ไมตรีด้วย”
ไม่ว่าฉินเฟิงจะคำรามและกรีดร้องอย่างไรก็ไร้วี่แววการตอบสนองจากหลังม่านโปร่ง
ยามนี้ทหารรักษาพระองค์ก็เหวี่ยงแขนและเหวี่ยงดาบที่คมกริบราวกับอยากล้างแค้นเป็นการส่วนตัว
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังจะถูกแยกออกเป็นสองส่วน
พลันก็ได้ยินเสียงกระบี่ดังขึ้น
เคร้ง!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ