บทที่ 346 พ่อค้าหน้าเลือด
เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงที่โกรธแค้น หลี่หลางเพียงยักไหล่และเป็นฝ่ายเอ่ยตำหนิแทน “นี่จะโทษข้าไม่ได้ ระหว่างทางผ่านอำเภอฝูอวิ้น เจ้าวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก”
ฉินเฟิงโกรธมากจนกัดฟันกรามดังกรอด
ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าจะต้องพัวพันกับสุนัขบ้าอย่างหลี่หลาง ปรากฏว่ากลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น!
นึกถึงตอนที่ผ่านอำเภอฝูอวิ้นก่อนหน้านี้ ตอไม้ที่ขวางทางบนถนนคงเกิดจากฝีมือคนผู้นี้เป็นแน่
ฉินเฟิงไม่เคยคิดฝันว่าหลี่หลางจะใช้โอกาสนั้นมุดใต้ท้องรถและห้อยอยู่แบบนั้นมาตลอดทาง
หากเขาไม่ได้เจอร่องรอยโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าคนคนนี้คงจะซ่อนตัวไปจนถึงอำเภอชางผิงเลยกระมัง?
ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจนัก!
ฉินเฟิงระงับความโกรธในใจ แสร้งทำหน้าสิ้นหวัง “นายน้อยหลี่ ข้ากลัวเจ้าจริง ๆ เจ้ามาจากไหนกลับไปที่นั่นเองได้หรือไม่?”
ตามที่คาดไว้ หลี่หลางเชิดหน้าขึ้น ยกตะบองไม้พาดบ่าพลางพูดยั่วโมโห “อยากให้ข้ากลับไปหรือ นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าเจ้าต้องส่งข้ากลับไป”
เมื่อตระหนักว่าถูกเจ้าหมอนี่พาลใส่ ฉินเฟิงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “หลี่หลาง พวกข้ากำลังจะไปที่อำเภอชางผิงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อดอยาก การเดินทางครานี้จะน่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง ไม่สู้รอข้ากลับเมืองหลวง เราค่อยนัดกันใหม่ ตกลงหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของหลี่หลางก็ยกขึ้นเป็นมุมโค้งที่เกิดจากการแสยะยิ้ม ชายหนุ่มเหยียดตะบองออกไปแตะไหล่ของฉินเฟิงสองครั้ง “อย่าทำอย่างนี้! ไม่สำคัญว่าเจ้าจะไปที่อำเภอชางผิงเพื่อการใด ต่อให้เจ้าจะไปเที่ยวเล่น ข้าก็จะตามเจ้าไปแน่ อยากกำจัดข้าหรือ ฝันไปเถอะ!”
พอติดกอเอี๊ยะหนังสุนัขแล้ว ก็ไม่ง่ายเลยที่จะดึงมันออก
ฉินเฟิงทำได้เพียงลอบกัดฟัน สาบานเลยว่าต่อไปเขาจะยอมไปทางอ้อม ดีกว่าที่จะต้องผ่านอำเภอฝูอวิ้นอีก
พี่น้องสกุลหลี่ราวกับวิญญาณแค้นตามติด!
ในตอนที่ฉินเฟิงกำลังรู้สึกหดหู่ หลี่หลางก็หัวเราะออกมาพลางพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “พี่ฉิน ลูกกวาดก้อนเล็ก ๆ ที่เจ้าทำก่อนหน้านี้ ขอข้าชิมบ้างได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินเฟิงก็ขมวดคิ้ว รีบขวางกรอบประตูของรถม้าไว้โดยไม่รู้ตัว เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ลูกกวาดอะไร? ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดถึงสิ่งใด!”
หลี่หลางยิ้มกว้าง “หยุดเสแสร้งเถอะ ข้าเห็นหมดแล้ว! เตาเหล็กของเจ้าอยู่เหนือหัวข้าพอดี ตอนที่กำลังต้มน้ำตาลก็เกือบจะย่างข้าจนสุก เอามา ๆ รีบเอาออกมาเร็วเถอะ เราเป็นพี่น้อง เป็นคนกันเองทั้งนั้น ไยเจ้าถึงขี้เหนียวเพียงนี้”
อันใดของเจ้า ใครเป็นพี่น้อง เป็นคนกันเองของเจ้ากัน?
ในขณะนี้เอง จู่ ๆ จิ่งเชียนอิ่งก็ถามขึ้น “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าอยู่คนเดียวในรถม้าโรงฝีมือนานสองนาน เพื่อทำลูกกวาดอะไรนั่นหรือ? ข้าจำได้ว่า ตอนต้มน้ำตาลอ้อยออกมามันจับตัวเป็นก้อน ไยเจ้าต้องต้มมันอีกครั้งเล่า?”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถซ่อนเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ฉินเฟิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อธิบายอะไรแล้วหยิบ ‘ลูกกวาดเพื่อสุขภาพ’ ออกมาจากอ้อมแขน ก่อนจะมอบให้จิ่งเชียนอิ่ง
ลูกกวาดเพื่อสุขภาพนี้บรรจุโดยฉินเฟิง ภายนอกดูเหมือนก้อนกระดาษกลม ๆ เล็ก ๆ
นอกจากนี้ กระดาษบรรจุภัณฑ์ลูกกวาดยังต้องแช่น้ำไว้ล่วงหน้า เมื่อน้ำระเหยแห้ง ถึงจะค่อย ๆ กลายเป็นเปลือกที่แข็งแรง
ในความเห็นของจิ่งเชียนอิ่งนี่เป็นเพียง ‘ก้อนกระดาษ’ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
แม้แต่ลูกกวาดที่อยู่ข้างใน สำหรับจิ่งเชียนอิ่งแล้วก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เพราะท้ายที่สุดแล้วน้ำตาลทรายขาวทั้งหมดในต้าเหลียงก็ผลิตจากตระกูลของนางเอง
แต่เมื่อจิ่งเชียนอิ่งเปิดเปลือกกระดาษออก แววตาของนางก็เปลี่ยนไปทันที
อึ้ง ทึ่ง ตะลึงงัน!
ลูกกวาดทรงกลมตรงหน้านี้ใสแวววาวราวกับแก้ว ทั้งยังมีสีแดงสด มองแวบแรกราวกับทับทิมก็ไม่ปาน!
จิ่งเชียนอิ่งตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนที่นางจะคืนสติ นางเงยหน้าขึ้นมองฉินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ “นี่คือ… ลูกกวาดจริง ๆ หรือ?”
เสี่ยวเซียงเซียงปิดปาก ประหลาดใจอย่างมาก พลางเอ่ยพึมพำด้วยเสียงเบา “ช่างเป็นลูกกวาดที่สวยงามจริง ๆ”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ