บทที่ 357 โจมตีเมืองยามวิกาล
กลางดึก
อำเภอชางผิงจมลงสู่ความเงียบงัน มีเพียงศาลาว่าการที่ยังมีไฟส่องสว่างไสว
แววตาของหลิวหลิงหนักอึ้งยิ่งกว่าที่เคย เขามองดูมือปราบทั้งสามหน่วยพลางเอ่ยเสียงหนักแน่น “ในเมื่อได้ตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไร้ทางถอยกลับ ทุกคนฟังข้า ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าแค่ต้องรักษาประตูหลักของศาลาว่าการไว้ให้ดี นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการและมือปราบ ห้ามปล่อยให้ผู้อื่นเข้ามาได้”
“ต่อให้เมืองนี้ถูกเผาจนวอดวายก็หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเราไม่”
“รองนายอำเภอ ทางฝั่งหน่วยมือปราบเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
รองนายอำเภอประสานมือพลางตอบ “ด้านหน่วยมือปราบมีผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองดูแลอยู่ ไม่มีทางผิดพลาดแน่ขอรับ”
หลิวหลิงพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ดี เช่นนั้นก็รอดูเถิด”
…
เวลาไหลผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว
กระทั่งยามจื่อกำลังจะมาถึง นายท่านหลินที่พักอยู่โรงพักม้าอำเภอชางผิงได้ผลัดอาภรณ์เตรียมที่จะพักผ่อน
เขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอดใจ
“เสียเวลาเปล่า ๆ ไปอีกวันแล้ว”
“ฉินเฟิงผู้นั้น ท้ายที่สุดก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเข้าเมือง ข่าวลือที่ว่าจะโจมตีเมืองช่างเป็นเรื่องน่าขบขันที่สุดในใต้หล้า หาได้คู่ควรให้หลงเชื่อ”
“ช่างเถิด รอให้ฉินเฟิงแก้ปัญหาน้ำเสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นเขาก็ต้องเข้าเมืองมาประสานงาน อย่างไรเจ้านั่นก็ต้องตายอยู่ดี”
นายท่านหลินพึมพำ ครั้นกำลังเอนกายลงนอน ทันใดนอกหน้าต่างก็พลันมีเสียงเบา ๆ แต่ก้องกังวานดังเข้ามา
มีเพียงแค่ที่แห่งเดียวที่จะส่งเสียงเช่นนั้นออกมาได้
ซึ่งก็คือ กำแพงเมือง…
นายท่านหลินพลันขมวดคิ้ว รีบลุกขึ้นนั่งพลางเอ่ยพึมพำอีกสองประโยค “แปลกจริง ใกล้จะยามจื่อแล้ว ไยประตูเมืองถึงเปิดออกเล่า?”
“หรือว่า…”
“แย่แล้ว! ฉินเฟิงจะโจมตีเมืองยามวิกาล!”
นายท่านหลินพุ่งตัวออกจากห้องพัก วิ่งลงบันไดพลางตะโกนลั่นสุดเสียง “ลุกขึ้นมาเร็ว ไอ้ฉินเฟิงจะโจมตีเมืองยามวิกาล รีบไปปราบปรามมัน”
ในตอนนี้เอง เสียงร้องโหยหวนพลันดังระงมเข้ามาในโรงพักม้า
“แย่แล้ว! ทหารค่ายเทียนจีบุกเมืองมาแล้ว!”
“ทหารค่ายเทียนจีสามร้อยนายมาแล้ว มิหนำซ้ำยังมีทหารใหม่อีกเป็นพันนายด้วย”
“อะไรนะ?! หนิงหู่ก็มารึ! ผู้บังคับกองพันหนิงที่เด็ดหัวศัตรูอย่างจงหลิงแม่ทัพหย่าเจี้ยงผู้เลื่องชื่อในตำนานน่ะหรือ?”
“อ๊าก! มือปราบบาดเจ็บล้มตายหนักแค่เผชิญหน้าก็ฆ่าไปร้อยนายแล้ว มือปราบสูญสิ้นเป็นแน่!”
เสียงกรีดร้องดังมาจากในเมือง หลายทิศหลายทาง สะท้อนก้องตรอกเล็กตามถนนหนทาง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน พวกนักดาบที่รีบวิ่งออกมาจากห้องพักล้วนหน้าถอดสี “จบสิ้นแล้ว ทหารค่ายเทียนจีมาแล้ว พวกเราจะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร”
นายท่านหลินหน้าดำคร่ำเครียด ฟาดหลังมือใส่คนผู้นั้นอย่างรุนแรง พลางตวาดลั่น “เลอะเลือน”
“อำเภอเป่ยซีนั่นยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอด ทหารค่ายเทียนจีสามร้อยนายถูกย้ายไปนานแล้ว อยู่ ๆ จะมาโผล่ที่อำเภอชางผิงได้อย่างไร หนิงหู่นำทัพอะไรนั่นอีก เหตุใดเขาจะละทิ้งอำเภอเป่ยซีมาได้!”
“เสียงข้างนอก เห็นได้ชัดว่าเป็นกลยุทธ์ก่อกวนจิตใจ ทุกคนประจำตำแหน่งให้ดี รีบไปที่ประตูเมือง ฆ่าไอ้ฉินเฟิงซะ”
ในเวลานี้ นักเลงทั้งห้าสิบคนที่เข้ามาในเมืองแล้วนำโดยตู๋เหยี่ยนหลง วิ่งไปตามท้องถนน ร้องคำรามอย่างสุดกำลัง
พวกเขาไม่สนใจถึงความสมจริง อยากตะโกนทางไหนก็ตะโกนไปทางนั้น
คหบดีและผู้ทรงอิทธิพลท้องถิ่น เดิมตั้งใจจะโผล่มาดู ทว่าทันทีที่ได้ยินว่าหนิงหู่และทหารค่ายเทียนจีกำลังมา พวกเขาต่างก็ตื่นตกใจจนหดหัวกลับเข้าไปอยู่ในจวน ทั้งยังลั่นกลอนประตูอย่างแน่นหนา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ