บทที่ 369 เดิมพันกับสวรรค์
ทันทีที่หลี่หลางพูดจบ ลูกศรก็บินมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วเสียง ‘เฮือก’ ก็ดังขึ้น ก่อนที่หลี่หลางจะถูกยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย
หลี่หลางกำลังจะคำราม แต่ก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ข้าง ๆ ปิดปากไว้
ดวงตาขององครักษ์เสื้อแพรเคร่งเครียดอย่างยิ่ง เขาส่ายหัวเป็นส่งสัญญาณให้หลี่หลางอย่าส่งเสียง
หลี่หลางกัดฟันและหักลูกธนู ปล่อยเสียงหายใจหอบหนักดัง ‘แฮ่ก ๆ’ ออกมาจากปาก เหงื่อบนใบหน้าไหลรินอย่างต่อเนื่อง
รอบด้านเงียบสงัด ด้วยเสียงใดเพียงเล็กน้อยก็อาจตกเป็นเป้าหมายของศัตรูและดึงดูดการโจมตีที่รุนแรงถึงชีวิตได้
ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขาเพียงแต่หมอบจำศีลอยู่ในความมืดเพื่อรอโอกาส
ในเวลาเดียวกัน อาการของเสี่ยวเซียงเซียงก็กำลังตกอยู่ในวิกฤติ
สองดวงตาของฉินเฟิงเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เหมือนกับเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก
เขากดปากแผลและปล่อย กดและปล่อย ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น…
เมื่อองครักษ์เสื้อแพรเห็นบาดแผลของเสี่ยวเซียงเซียง เขาขมวดคิ้วและลดเสียงลง “นายน้อย รีบใช้ยารักษาบาดแผลให้นางเถอะ!”
ฉินเฟิงส่ายหัว “แผลลึกเกินไป ยาไม่มีประโยชน์!”
“เจ้าเพียงแค่เฝ้าประตูรถม้าไว้ ไม่ต้องห่วงว่าข้างในจะเกิดอะไรขึ้น!”
บาดแผลบนหลังของเสี่ยวเซียงเซียงใหญ่เกินไป มีความยาวถึงเจ็ดชุ่น แม้ในยุคของฉินเฟิงก็เป็นเรื่องยากที่จะรักษา นับประสาอะไรกับในยุคที่ระดับการรักษาล้าหลังอย่างถึงที่สุดนี้
หากใช้ยาอย่างหุนหันพลันแล่น นั่นก็มีแนวโน้มว่าจะสร้างความเสียหายซ้ำสองให้กับบาดแผลได้
เพื่อช่วยชีวิตเสี่ยวเซียงเซียง ฉินเฟิงไม่มีทางเลือกมากนัก เขากดและปล่อยบาดแผลซ้ำ ๆ กระทั่งแน่ใจว่าเลือดออกจากบาดแผลช้าลงแล้ว ชายหนุ่มจึงได้พันร่างกายของเสี่ยวเซียงเซียงด้วยผ้าพันแผล ปิดแผลให้มากที่สุด
สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือ การฆ่าเชื้อ การเย็บแผล และที่สำคัญคือการถ่ายเลือด
แต่ทั้งสามขั้นตอนนี้ล้วนแต่ทำได้ยาก
ฉินเฟิงไม่สามารถล่าช้าได้ ต่อให้จะยืนหยัดไปจนถึงอำเภอหมิงหลันก็ไม่มีความหมาย ท้ายที่สุดเครื่องมือทางการแพทย์และการรักษาในอำเภอหมิงหลันก็คงไม่สามารถจัดการกับอาการบาดเจ็บในระดับนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้ขบวนรถม้าถูกศัตรูล้อมรอบ หากถ่วงเวลาต่อไป สิ่งเดียวที่รอเสี่ยวเซียงเซียงก็คงมีเพียงความตายแล้ว
ฉินเฟิงจึงสั่งให้องครักษ์เสื้อแพรปกป้องเสี่ยวเซียงเซียง ส่วนตัวเขาก็เดินออกไป
ทว่าทันทีที่เขาไปถึงประตู องครักษ์เสื้อแพรกลับเอื้อมมือหยุดเขาไว้ “นายน้อย! ข้างนอกอันตรายเกินไป ท่านออกไปไม่ได้”
“อีกฝ่ายคือนกฮูกราตรีแห่งเป่ยตี๋ ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับองครักษ์ชุดดำ การกระทำที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน!”
ฉินเฟิงคว้าข้อมือขององครักษ์เสื้อแพร แล้วเอ่ยทีละคำ “หลีกไปให้พ้น!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเซียงเซียง คนที่ล้มลงตอนนี้คงเป็นข้า!”
“ข้าไม่มีทางเบิกตามองดูเสี่ยวเซียงเซียงรอความตายได้”
กล่าวถึงเท่านี้ ฉินเฟิงก็คว้าไหล่ขององครักษ์เสื้อแพร จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและพูดอย่างชัดเจนหนักแน่น “ข้าไม่สนว่าจะเป็นองครักษ์ชุดดำหรือนกฮูกราตรี ฆ่าพวกเขาทั้งหมดให้ข้า ห้ามปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!”
เมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารที่จวนเจียนบ้าคลั่งในดวงตาของฉินเฟิง แผ่นหลังขององครักษ์เสื้อแพรพลันเย็นวาบ ไม่กล้าหยุดนายน้อยฉินอีกต่อไป
ฉินเฟิงกระโดดลงจากรถม้า แล้วมุดเข้าไปในรถม้าโรงฝีมือที่อยู่ด้านหลัง
เขาค้นดูกล่องและตู้ต่าง ๆ หยิบเชิงเทียน กริช เข็มและด้ายออกมารวมกัน
จากนั้นก็หยิบถังน้ำถังหนึ่งมาต้ม
ครั้นเสร็จแล้วเขาก็ไปที่แท่นตีเหล็กตัวเล็ก ทุบเหล็กแผ่นเล็ก ๆ ให้กลายเป็นท่อเหล็ก เนื่องจากฉินเฟิงไม่ใช่ช่างตีเหล็กมืออาชีพ ประกอบกับแรงกดดันมหาศาล ขาดแสงสว่างที่เพียงพอ ท่อเหล็กขนาดเล็กจึงดูบิด ๆ เบี้ยว ๆ น่าเกลียดอย่างยิ่ง
ทว่าเงื่อนไขมีจำกัด ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้แก้ขัดไปก่อน
ฉินเฟิงเชื่อมต่อท่อเหล็กขนาดเล็กเข้ากับท่อไม้ไผ่ หยิบแท่งไม้ออกมา พันปลายด้านหนึ่งด้วยเอ็นเนื้อวัว ด้วยวิธีนี้ ‘เข็มฉีดยา’ ที่เรียบง่ายก็เสร็จสมบูรณ์

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ