บทที่ 373 ความสงบก่อนพายุโหม
หลังได้รู้เรื่อง ฉินเทียนหู่ก็รีบกลับจวนโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เรือนหลังบ้านกลับถูกลงกลอน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรอที่ห้องโถงหน้า
เมื่อฉินเฟิงกลับมาที่เรือนหลัง เขาไม่ได้มีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
ของส่วนเกินทั้งหมดในห้องของเสี่ยวเซียงเซียงถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงเตียง โต๊ะและเก้าอี้คู่หนึ่ง
จากนั้นก็ต้องทำความสะอาดห้องทั้งภายในและภายนอก แล้วชายหนุ่มก็ส่งคนไปยังโรงฝีมือของค่ายเทียนจีเพื่อนำผ้าปลอดเชื้อมา
ที่เรียกว่าผ้าปลอดเชื้อ แท้จริงแล้วคือผ้าที่ผ่านการนึ่งด้วยน้ำ
เขาคลุมทั้งห้องด้วยผ้าปลอดเชื้อเพื่อสร้างห้องปลอดเชื้อแบบเรียบง่าย จากนั้นก็วางเสี่ยวเซียงเซียงบนเตียง
เมื่อมองดูใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดของหญิงสาว ฉินเฟิงที่นั่งอยู่บนขอบเตียงก็จับมือของนางไว้แน่น
ในสมองไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เขาแค่เฝ้าอยู่ที่นั่นอย่างเหม่อลอย
การนั่งนี้กินเวลาราวสองชั่วยาม
ในตอนกลางคืน ก็มีการพูดคุยอย่างดุเดือดที่ห้องโถงด้านหน้า
หลิ่วหงเหยียนมีสิทธิ์บางอย่างในการระดมองครักษ์เสื้อแพร ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องราวทั้งหมดจากผู้ส่งสาร
ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว “คาดไม่ถึงว่าเป่ยตี๋จะบ้าเพียงนี้ ถึงกับจะส่งนกฮูกราตรีลอบสังหารเฟิงเอ๋อร์ระหว่างทาง”
เสิ่นชิงฉือที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจเบา ๆ อย่างกังวล “ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่การลอบสังหาร แม้ว่าเสี่ยวเซียงเซียงจะเป็นเพียงสาวใช้ แต่นางก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเฟิงเอ๋อร์ ตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาหรือไม่… สรุปสั้น ๆ ก็คือ เฟิงเอ๋อร์อาจได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ในครานี้”
ดวงตาของหลิ่วหงเหยียนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “เฟิงเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนรอบตัวมาโดยตลอด อย่าว่าแต่เสี่ยวเซียงเซียงเลย ไม่ว่าใครได้รับบาดเจ็บเขาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เพียงแต่… นกฮูกราตรีจากเป่ยตี๋รู้การเคลื่อนไหวของฉินเฟิงอย่างแม่นยำได้อย่างไร จังหวะการลอบสังหารเหมาะเจาะเพียงนี้ หรือว่ามีคนทรยศในค่ายเทียนจี?”
ฉินเทียนหู่โบกมือ ส่งสัญญาณให้หลิ่วหงเหยียนเลิกสงสัย “นกฮูกราตรีมีทักษะไม่น้อยไปกว่าองครักษ์ชุดดำ คาดว่าคงจับตาดูเฟิงเอ๋อร์มาระยะหนึ่งแล้ว จึงรู้การเคลื่อนไหวที่แม่นยำของเฟิงเอ๋อร์ได้”
“เฮ้อ! ตอนนี้ข้าเกรงว่าเฟิงเอ๋อร์จะทำอะไรแปลก ๆ”
ชั่วขณะนี้เอง เสียงฝีเท้าหนึ่งก็ดังขึ้น
ทุกคนมองไปตามเสียง พบว่าฉินเฟิงปรากฏตัวอยู่นอกประตูห้องโถงตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้
ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างเป็นกังวลของทุกคน นายน้อยเจ้าสำราญเดินเข้าไปในห้องโถง นั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือกุมท้องแล้วถอนหายใจ “ข้าหิวแล้ว พี่หญิงรอง ท่านรีบเตรียมอาหารให้ข้าเร็วเข้า ข้ายังเป็นน้องชายของท่านอยู่หรือไม่? ท่านไม่สงสารข้าเลยหรือ?”
“พี่หญิงใหญ่ นี่เป็นวิธีต้อนรับข้ากลับมาอย่างนั้นหรือ? ไม่มีแม้แต่ผลไม้สักอย่าง”
“ท่านพ่อ เราไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว พอเจอหน้า ท่านพ่อไม่คิดจะพูดอะไรสักหน่อยหรือ? ข้ายังเป็นบุตรชายของท่านอยู่หรือไม่นี่?”
ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจ แล้วรีบไปเตรียมอาหารเย็นเข้ามา
ฉินเทียนหู่นั่งอยู่หัวโต๊ะกำลังปลอบใจฉินเฟิง เขาจงใจทำตัวผ่อนคลายเป็นพิเศษ “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าสบายดี พ่อก็วางใจแล้ว”
ฉินเฟิงกลับมามีท่าทางสบาย ๆ ตามปกติ นั่งกางแขนอ้าขาบนเก้าอี้ “เกิดอะไรขึ้น? จะเกิดอะไรกับข้าได้ ก็แค่นกฮูกราตรีจากเป่ยตี๋ จะเอาชนะข้าได้รึ ท่านพ่อ ท่านดูแคลนข้ามากเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าบุตรชายทำตัวเหมือนเมื่อก่อน เป็นคนไม่สนใจอะไรเช่นเดิม
ฉินเทียนหู่ควรจะมีความสุข แต่ในตอนนี้เขากลับกังวลเล็กน้อย เกรงว่าจะเป็นความสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ “เฟิงเอ๋อร์ เซียงเซียงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ฉินเฟิงยักไหล่ ดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง “ยาก”
ทันใดนั้นฉินเทียนหู่ก็ขมวดคิ้ว “ยากขนาดไหน? มิสู้ให้พ่อไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เชิญหมอหลวงออกมารักษาเซียงเซียงดีหรือไม่?”
ฉินเฟิงโบกมือ บอกเป็นนัยให้ฉินเทียนหู่ไม่ต้องกังวล “ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าดาบนั่น…”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ