บทที่ 384 เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าท่าน?
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ทหารรักษาพระองค์พลันดึงดาบออกมา หยุดเขาเอาไว้
“ฉินเฟิง สถานที่สำคัญอย่างพระราชวัง ท่านจะสร้างปัญหาได้อย่างไร!” ทหารรักษาพระองค์ตวาด
ทว่าฉินเฟิงกลับไม่ได้สนใจ เขาเพียงมองไปที่ทหารรักษาพระองค์แล้วพูดทีละคำ “ฮ่องเต้ไม่ต้องการฆ่าข้า แต่เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”
ทันทีที่สิ้นประโยค ใบหน้าของทหารรักษาพระองค์ก็ซีดลง เขาพลันตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฉินเฟิงไม่ได้บังคับให้ทหารรักษาพระองค์วางดาบลง เพียงแต่ก้าวไปข้างหน้า ดาบที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ไกลออกไปทีละก้าว พริบตาเดียวฉินเฟิงก็เผชิญหน้ากับฉีหยางจวิ้นจู่แล้ว
เมื่อต้องรับมือกับความรู้สึกกดดันจากฉินเฟิงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ฉีหยางจวิ้นจู่รู้สึกตื่นตระหนกนัก
ฉินเฟิงค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหูของฉีหยางจวิ้นจู่แล้วเอ่ยกระซิบ “ในสายตาของท่าน เสี่ยวเซียงเซียงเป็นเพียงสาวใช้ แต่ในสายตาของข้า นางเป็นสมบัติที่ต้องปกป้องไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด… ว่าด้วยฐานะแล้ว เสี่ยวเซียงเซียงไม่สามารถเทียบได้กับจวิ้นจู่ผู้สูงส่งอย่างท่าน แต่เพื่อเสี่ยวเซียงเซียงข้าก็สามารถฆ่าท่านได้โดยไม่ลังเล!”
ฉีหยางจวิ้นจู่พลันกลืนน้ำลาย สัมผัสได้ถึงดวงตาที่สงบนิ่งของฉินเฟิง ในใจรู้สึกหวาดหวั่น ฉินเฟิงทำตามคำพูดของตัวเองได้เสมอและเขาก็คงกล้าที่จะฆ่านางจริง ๆ
เพื่อสาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งหรือแม้แต่ทาสผู้ต่ำต้อย เขาถึงขั้นข่มขู่จวิ้นจู่กลางพระราชวังต้องห้ามต่อหน้าทหารรักษาพระองค์
ทั่วทั้งใต้หล้ามีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่มีความกล้าหาญนี้
ฉีหยางจวิ้นจู่พยายามควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง แล้วตอบอย่างไม่ยอมแพ้ “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง คุ้มค่าที่จะให้เจ้าเดิมพันความรุ่งโรจน์ตลอดชีวิตหรือ?”
ฉินเฟิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย “คุ้มค่า!”
เมื่อมองไปยังเงาร่างที่เดินจากไปของนายน้อยเจ้าสำราญ ดวงตาของฉีหยางจวิ้นจู่ก็สั่นคลอนเป็นครั้งแรก
อย่างที่ท่านแม่กล่าวเอาไว้ บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่สามารถใช้เหตุผลทั่วไปทำความเข้าใจได้
ครั้นนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเซียงเซียง ฉีหยางจวิ้นจู่ก็รู้สึกอิจฉา…
ทันทีที่เข้าประตูสู่วังที่ลึกราวทะเล นับตั้งแต่สมัยโบราณราชวงศ์ลงมือโหดเหี้ยมอำมหิต ภายในกำแพงแห่งนี้มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น ไร้ข้อผูกมัดทางความรู้สึก เพื่อประโยชน์เพียงชั่วคราว แม้แต่พี่น้องก็สามารถเข่นฆ่ากันเองได้
จริง ๆ แล้ว ฉีหยางจวิ้นจู่แอบอิจฉาความมุทะลุที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนรอบข้าง โดยไม่สนใจว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดเช่นนี้
“จวิ้นจู่จะรายงานฝ่าบาทตามจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ทหารรักษาพระองค์ถามด้วยเสียงเบา
ฉีหยางจวิ้นจู่ลังเลอยู่หลายครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่จำเป็น”
…
ณ พระราชวังต้องห้าม ตำหนักใหญ่ในวังหลัง
องค์ชายรองนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ถือจอกสุราอยู่ในมือ ฟังท่วงทำนองอันไพเราะของสตรีบรรเลงฉิน ดวงตาล่องลอยมัวเมา
“รับใช้ฮ่องเต้ก็เหมือนอยู่กับพยัคฆ์ ไม่มีใครเข้าใจความเด็ดขาดของเสด็จพ่อได้ดีกว่าข้า แม้ว่าข้าจะเป็นโอรสก็ยังต้องเชื่อฟัง กวาดตามองทั่วใต้หล้า ผู้ที่ต่อต้านเสด็จพ่อแต่ยังรอดตัวไปได้ก็เห็นจะมีแต่ฉินเฟิง”
แขกชุดขาวยืนอยู่เบื้องหลังมีท่าทีครุ่นคิด “องค์ชาย ฉินเฟิงเข้าวังด้วยท่าทางโอหังอย่างยิ่ง ต้องสงสัยว่าทำตัวแสดงอำนาจกลบนาย คราแรกก็ดูถูกจางซิ่วเย่ จากนั้นก็ปิดประตูห้องทรงพระอักษรสนทนาอย่างลับ ๆ กับฮ่องเต้ ระหว่างทางออกจากวัง เขาถึงกับข่มขู่จวิ้นจู่ กระทำพฤติกรรมหยิ่งผยองเช่นนี้เกรงว่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงพ่ะย่ะค่ะ”
“คนผู้นี้ฉลาดอย่างยิ่ง ใช้การรุกเพื่อถอย ทำให้ฮ่องเต้ไม่อาจต่อว่าตนเองที่รุนแรงเกินไป”
องค์ชายรองมองดูสุราสีใสที่กระเพื่อมไหวอยู่ในจอกด้วยแววตาพร่างพราว “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่ในความคิดของข้า ฉินเฟิงผู้นั้นโกรธมากเพียงนี้เพราะสาวใช้คนหนึ่งจริง ๆ”
ทันทีที่สิ้นประโยค สตรีบรรเลงฉินก็ปล่อยมือที่กำลังดีดสาย แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “เป็นเพราะฉินเฟิงให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากเกินไป หรือมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสาวใช้ตัวน้อยคนนั้นหรือเพคะ?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ