เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 385

บทที่ 385 พี่ชายสั่งมาได้เลย

เมืองหลวง

นับตั้งแต่ฉินเฟิงและฮ่องเต้ต้าเหลียงปิดประตูทะเลาะกันอย่างลับ ๆ

ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็เมินเฉยต่อข้อจำกัดที่มีต่อตระกูลของหมิงอ๋อง

หมิงอ๋องถือโอกาสขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่เมืองหลวงถึงสองครั้ง แต่ก็ล้วนถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงปฏิเสธ

น้ำแข็งหนาสามฉื่อ มิใช่จากความหนาวเพียงวันเดียว

แม้ว่าหมิงอ๋องยังคงติดอยู่ในอำเภอฝูอวิ้น แต่ซื่อจื่อหลี่จางและหลี่หลางท่านหนานแห่งอำเภอฝูอวิ้นซึ่งเป็นบุตรชายของเขา กลับได้เริ่มเข้าออกเมืองหลวงเป็นครั้งคราว

เมื่อมาแล้วก็พุ่งไปที่จวนสกุลฉิน ดื่มกินเที่ยวเล่นสนุกสนาน

ฉินเฟิงโกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“เดี๋ยวนะ! พวกเจ้าสองคนคิดว่าตระกูลฉินของข้าเป็นสถานที่ใด? เป็นสถานเริงรมย์ เป็นสำนักนางโลมที่จะปล่อยให้พวกเจ้ามาสร้างความบันเทิงให้ตัวเองรึ?”

“ไป ไป ไสหัวไป ออกไปจากที่นี่ซะ!”

หลี่จางกำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนม้านั่งหิน ไม่มีมาดของซื่อจื่อแม้แต่น้อย

เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงที่กำลังโมโห หลี่จางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ข้าแค่อยากหาอะไรกินนิดหน่อย เจ้าก็เจ็บใจแล้วหรือ ฉินเฟิง เจ้าตระหนี่เกินไปแล้ว ถ้าไม่ได้ผลจริง ๆ เราสองพี่น้องให้เงินเจ้าเป็นรายเดือน แล้วมาอยู่ที่นี่เสียเลยดีหรือไม่?”

ฉินเฟิงถลึงตาจ้องมอง “ดีบ้านลุงเจ้าน่ะสิ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จางก็มีความสุข “ลุงของข้า จี้อ๋องหรือ?”

ฉินเฟิงยิ่งโกรธมากขึ้น “ลุงคนที่สองของเจ้า!”

หลี่จางหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “ฉินเฟิง เจ้ารู้ความผิดฐานดูหมิ่นฮ่องเต้หรือไม่?”

ฉินเฟิงโกรธมากแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ใครใช้ให้สองคนนี้เป็นสายเลือดราชวงศ์เล่า? ลุงคนโตคือจี้อ๋อง ลุงคนรองคือฮ่องเต้ต้าเหลียง… หลี่หลางที่อยู่ด้านข้างฉีกยิ้มก่อนพูดติดตลก “พี่ฉิน เรายังมีท่านน้าเป็นองค์หญิงใหญ่ด้วย”

ใช่ ลำดับวงศ์ตระกูลนี้ยอดเยี่ยมมากจนบอกฉินเฟิงเป็นนัยว่าไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้

ทั้งสามคนนี้ แม้ว่าจะทะเลาะกันทันทีที่พบหน้า แต่พวกเขาก็มีช่วงเวลาที่มีความสุข

หลี่จางและหลี่หลางรู้สึกขอบคุณฉินเฟิงจากก้นบึ้งของหัวใจ หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิง ครอบครัวของพวกเขาคงติดอยู่ในอำเภอฝูอวิ้นไปจนตาย

หลี่จางกับหลี่หลางถือว่าฉินเฟิงเป็น ‘คนกันเอง’ มานานแล้ว

หลิ่วหงเหยียนที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักอก “ซื่อจื่อเข้าเมืองหลวง มีธุระใดหรือเจ้าคะ?”

ตั้งแต่เขาเข้ามาในจวน สายตาราวกับโจรของหลี่จางไม่เคยละออกไปจากร่างของหลิ่วหงเหยียน เขามองนางจนน้ำลายไหลไม่รู้ตัว

ถ้าไม่กังวลว่าฉินเฟิง ‘ขี้หวง’ เขาก็คงสะบัดแขนเสื้อพุ่งเข้าหาแล้ว ยามหลี่จางจะพูดอะไรกับหลิ่วหงเหยียน เขาก็เป็นต้องเอ่ยหยอดท้ายหลายประโยค

“คุณหนูรองสุภาพเกินไปแล้ว วันนี้พวกข้าสองพี่น้องเข้าเมืองหลวงเพื่อหารือเรื่องงานกับพี่ฉิน”

“ทุกวันนี้ การพัฒนาของอำเภอเป่ยซีเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนในใต้หล้า คาดว่าคนป่าเถื่อนเป่ยตี๋จะไม่ยอมให้อำเภอเป่ยซีเติบโตไปมากกว่านี้ คิดว่าจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในอีกไม่นาน เราสองพี่น้องจึงอยากยื่นเรื่องขอไปอำเภอเป่ยซีเพื่อสร้างความดีความชอบ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วหงเหยียนไม่ตอบอะไร เพียงหยิบถาดน้ำชาขึ้นมาเงียบ ๆ แล้วหันหลังกลับ

ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามอย่างสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป่ยตี๋จะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”

แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรก็ไม่ได้รายงานมา บ่งชี้ว่าเป่ยตี๋ไม่ได้มีแผนเช่นนั้น

หรือว่าหลี่จางจะล่วงรู้อนาคตได้?

เมื่อเหมือนจะมองเห็นความสับสนในดวงตาของฉินเฟิง หลี่จางก็แสดงสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้แล้วส่ายหัว

พอฉินเฟิงค่อย ๆ พับแขนเสื้อขึ้นเงียบ ๆ เตรียมพร้อมที่จะเข้ามา หลี่จางก็ไม่แกล้งอีก

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ