บทที่ 387 ฮ่องเต้เป่ยตี๋พิโรธ
ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่มีกุศโลบายใดอยู่ในมือ!
ประการแรก ตราบใดที่ตระกูลฉินยังอยู่ในเมืองหลวงก็เทียบเท่ากับการกุมชีวิตของฉินเฟิง และป้องกันไม่ให้ฉินเฟิงต่อต้านได้
ครั้งนี้ฉินเฟิงแก้แค้นเพื่อสาวใช้ของเขาอย่างบ้าคลั่ง ฮ่องเต้ต้าเหลียงมิเพียงไม่โกรธ กลับกลายเป็นว่าปลาบปลื้มใจ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าการเดิมพันของฮ่องเต้ต้าเหลียงถูกต้อง!
ประการที่สอง ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่เคยมอบอำนาจในการพัฒนากองทัพที่แท้จริงให้แก่ฉินเฟิง ไม่ว่าจะเป็นทหารองครักษ์ค่ายเทียนจีหรือทหารม้าเกราะหนัก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นทหารชั้นยอดเพียงใดก็ตาม จำนวนของพวกเขาก็ล้วนถูกจำกัด
ตราบใดฮ่องเต้ต้าเหลียงกัดจุดนี้เอาไว้ ไม่ว่าฉินเฟิงจะพัฒนาอย่างไร เขาก็ไม่สามารถต่อกรกับฝ่าบาททางการทหารได้
ตอนนี้ฮ่องเต้ต้าเหลียงกับฉินเฟิงได้คุมเชิงทางอำนาจกันแล้ว จึงยิ่งเอื้อต่อความร่วมมือครั้งต่อไปมากขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ้นเปลืองสติปัญญาเล็กน้อยแต่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า!
และนี่คือสิ่งที่ไท่เป่าหลินไม่อยากเห็น
ไม่ว่าอย่างไร ความสมดุลอันละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นระหว่างฮ่องเต้ต้าเหลียงและฉินเฟิงต้องถูกทำลาย
เมื่อเสี่ยวเซียงเซียงฟื้น ปฏิบัติการแก้แค้นทางทหารอันสั่นสะเทือนเลือนลั่นนี้ก็สิ้นสุดลง
สวีโม่นำองครักษ์ค่ายเทียนจีถอนตัวกลับไปยังอำเภอเป่ยซี และองครักษ์เสื้อแพรก็เปลี่ยนจากการลอบสังหารเป็นการซุ่มโจมตี
ณ เมืองหลวงเป่ยตี๋
ยามนี้ฮ่องเต้เป่ยตี๋ขมวดคิ้วขณะมองดูความสูญเสียตามที่กรมกลาโหมรายงาน
“แค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ กลับทำให้เป่ยตี๋ของข้าต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียเช่นนี้ นี่มีอย่างที่ไหนกัน!”
“หากการแก้แค้นนี้ไม่ได้รับการล้างแค้น ศักดิ์ศรีของเป่ยตี๋เราจะอยู่ที่ใด? บารมีของแว่นแคว้นจะอยู่ที่ใด? ถ่ายทอดคำบัญชาให้หน่วยนกฮูกราตรีเปิดฉากตอบโต้ แก้แค้นต่อกิจการทรัพย์สินทั้งหมดของฉินเฟิง!”
เพียงสิ้นคำสั่งของฮ่องเต้เป่ยตี๋ ขุนนางใหญ่กรมกลาโหมก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาทโปรดพิจารณาให้รอบคอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“แผนนี้ทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”
ทันทีที่เอ่ยออกมา ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็จ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ทำไม เป่ยตี๋ของข้ากำราบแคว้นต้าเหลียงมานานหลายทศวรรษ แต่ต้องถูกฉินเฟิงตัวเล็ก ๆ ขู่ขวัญอย่างนั้นหรือ? เป็นเช่นนี้แล้วเจิ้นจะอธิบายให้อดีตฮ่องเต้ฟังได้อย่างไร? เจิ้นจะอธิบายให้ราษฎรทุกคนฟังได้อย่างไร!”
ใบหน้าของขุนนางใหญ่กรมกลาโหมซีดขาว แต่เขายังคงกัดฟัน ทัดทานต่อไป “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ กระหม่อมอยากจะกราบทูลพระองค์สองสิ่ง ฝ่าบาทตัดสินพระทัยหลังจากทรงฟังจบแล้วก็ไม่สายพ่ะย่ะค่ะ”
“ประการแรก ตั้งแต่เฉินซือกลับมายังเมืองหลวง ได้รับการรักษาอย่างเต็มกำลังจากหมอหลวง บัดนี้อาการของเขาก็คงที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บที่ไหล่และอาการเน่าเปื่อยเป็นเรื่องยากจะรักษา ในท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากละทิ้งแขนเพื่อรักษาชีวิต แม้เฉินซือจะยอมสละแขนข้างหนึ่ง แต่ร่างกายก็ฟื้นตัวได้เร็วมากซึ่งถือได้ว่าเป็นกำไรในการสูญเสีย”
“ประการที่สอง เฉินซือได้เรียนรู้เกี่ยวกับการแก้แค้นของฉินเฟิง และเขาขอให้กระหม่อมกราบทูลฝ่าบาทว่า อย่าทรงหลงกลอุบายของฉินเฟิงพ่ะย่ะค่ะ”
เนื่องจากประโยคเหล่านี้มาจากปากของเฉินซือ ฮ่องเต้เป่ยตี๋จึงไม่อาจปล่อยปละละเลยได้
เขาขมวดคิ้วทันที “กลอุบายอะไร?”
ขุนนางใหญ่กรมกลาโหมอธิบายอย่างระมัดระวัง “แม้เฉินซือกับฉินเฟิงจะไม่ได้พบหน้ากัน แต่พวกเขาได้ประมือกันหลายครั้งในอำเภอเป่ยซี เฉินซือจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความคิดของฉินเฟิงนั้นแยบยลสุดจะหยั่ง ข้อได้เปรียบของเป่ยตี๋เราอยู่ที่การระดมพลเชิงกลยุทธ์และการวางแผนทางกองทัพ ส่วนฉินเฟิง เขาเชี่ยวชาญในด้านยุทธศาสตร์ท้องถิ่นและการปฏิบัติการสายย่อย เหมือนจะเรียกว่า… หน่วยปฏิบัติการพิเศษพ่ะย่ะค่ะ”
“การดำเนินการแก้แค้นนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความได้เปรียบของฉินเฟิงในด้านกำลังและการจู่โจมแบบก่อกวน เนื่องจากทางเราต้องปราบปรามกองทัพแคว้นต้าเหลียงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่สามารถระดมกองทัพขนาดใหญ่เพื่อปิดล้อมได้ อย่างไรก็ตาม สงครามแบบกลุ่มเล็ก ได้รับความเสียเปรียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตรงกับแผนการพร่ากำลัง*[1]ของฉินเฟิง เขาใช้พลังของคนหนึ่งคนกับเมืองหนึ่งเมือง ควบคุมการจัดการทางทหารทั้งหมดของเป่ยตี๋เรา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร มันจะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่”
“การกลืนความอัปยศนี้แม้จะทำลายชื่อเสียงของแค้วน แต่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด กองทัพเป่ยตี๋ควรมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามกองทัพต้าเหลียง แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วสูญเสียอีกอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ