บทที่ 389 มารังแกถึงที่
หัวใจของฉินเฟิงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ เขาแค่มีความสุขรักใคร่กลมเกลียว ไยพอออกจากปากของบิดาแล้วถึงกลายเป็นเรื่องไร้ยางอายไปได้?
เฮ้อ! ความต่างของอายุสินะ!
หลังจากดูตาเฒ่าฉินจากไปแล้ว ฉินเฟิงก็หยิบจดหมายลับขององครักษ์เสื้อแพรขึ้นมา และเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาหลีกเลี่ยงสิ่งสำคัญและทำตัวสบาย ๆ ต่อหน้าฉินเทียนหู่ ไม่ใช่ว่าฉินเฟิงไม่เชื่อในบิดา แต่ความสามารถในการแฝงตัวขององครักษ์ชุดดำและนกฮูกราตรีจากเป่ยตี๋นั้นแข็งแกร่งนัก เรื่องที่องครักษ์เสื้อแพรกล่าวถึง ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น แม้แต่ทั้งตระกูลฉินก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงการมีอยู่ขององครักษ์เสื้อแพร
“ตามที่หลี่จางคาดไว้ เวลานี้มีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นในเป่ยตี๋ อำเภอเป่ยซีคงจะสงบสุขได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น สงครามกำลังจะปะทุขึ้นอีกครั้งแล้ว”
ฉินเฟิงลบท่าทีผ่อนคลายก่อนหน้านี้ออกไป แววตาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นจริงจังมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้ในอำเภอเป่ยซี หากไม่สู้ก็ไม่สู้ แต่ถ้าต้องสู้ขึ้นมา ย่อมต้องเป็นการต่อสู้นองเลือดอย่างแน่นอน!
ปกป้องอำเภอเป่ยซีได้ก็แล้วไปแต่หากเสียเมืองไป ทั้งฮ่องเต้เป่ยตี๋และฮ่องเต้ต้าเหลียงย่อมยินดีที่จะตัดศีรษะของฉินเฟิง การยั่วโทสะสองฮ่องเต้ในเวลาเดียวกัน เท่ากับมีหมาป่าอยู่ข้างหน้า มีเสืออยู่ข้างหลัง หากไม่ระวังก็อาจตายโดยไม่มีที่ฝังศพ
ฉินเฟิงทิ้งข้อมูลทางการทหารที่องครักษ์เสื้อแพรสืบได้ แล้วหยิบจดหมายอีกฉบับขึ้นมา นี่เกี่ยวกับความปลอดภัยของอำเภอเป่ยซี
ทุกวันนี้ การแทรกซึมเข้าไปในเป่ยซีของหน่วยสอดแนมฝ่ายต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แค่องครักษ์เสื้อแพรจับหน่วยสอดแนมได้ก็มากกว่าสิบคน รวมถึงองครักษ์ชุดดำด้วย
ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าทั้งนกฮูกราตรีจากเป่ยตี๋และองครักษ์ชุดดำจะมีความสนใจในอำเภอเป่ยซีมากทีเดียว หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงยอมปล่อยให้สืบไปบ้าง ฮ่องเต้จะได้สอดส่องเพื่อความสบายพระทัย แต่ในตอนนี้ ชายหนุ่มป้องกันทุกสิ่งอย่างหนาแน่น ไม่ว่าใครก็อย่าได้หวังจะสอดแนมสถานการณ์ในอำเภอเป่ยซีได้!”
แน่นอนว่าไม่ใช่ข่าวร้ายไปทั้งหมด
การมาถึงของม้าศึกของแคว้นที่ราบสูงในอำเภอเป่ยซียังคงทำให้ฉินเฟิงมีกำลังใจ ในที่สุดทหารม้าเกราะหนักที่เขาใฝ่ฝันก็กำลังจะถูกสร้างขึ้นแล้ว
ฉินเฟิงตอบจดหมายทันที เขาย้ายจ้าวอวี้หลงไปอำเภอเป่ยซี ให้เข้าร่วมในการก่อสร้างและฝึกทหารม้าเกราะหนัก
เนื่องจากเขาไม่สามารถไปที่อำเภอเป่ยซีได้ในขณะนี้ จึงเพียงบันทึกรายละเอียดและข้อควรระวังทั้งหมดสำหรับการก่อสร้างทหารม้าเกราะหนักลงบนกระดาษ ใช้หัวข้อ ‘การพัฒนาทหารม้าเกราะหนัก’ ส่งจดหมายไปที่เป่ยซี
หลังจากผ่านเรื่องราวในอำเภอชางผิงและถังชีที่เจียงหนานแล้ว ฉินเฟิงก็มีความไว้วางใจในตัวจ้าวอวี้หลงมากพอ
จ้าวอวี้หลงได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษให้รับตำแหน่งหัวหน้ากองทหารม้าเกราะหนักที่สอง
ทหารม้าเกราะหนักแบ่งออกเป็นสองกอง แต่ละกองมีทหารห้าร้อยนาย กองที่สองนำโดยจ้าวอวี้หลง กองแรกถูกส่งมอบให้กับหลี่หลางซึ่งกำลังจะไปถึงอำเภอเป่ยซี เหตุผลในการเลือกหลี่หลางย่อมผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบของฉินเฟิงแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว ฮ่องเต้ต้าเหลียงระแวงตระกูลของหมิงอ๋อง หากเขาไม่มอบอำนาจที่แท้จริงให้กับพี่น้องตระกูลหลี่ ต่อให้ถ่อไปถึงอำเภอเป่ยซี พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
พูดตรง ๆ ก็คือ คนอื่นจะหวาดระแวง แทนที่จะเสี่ยงก็สู้ยัดตำแหน่งให้พี่น้องหลี่นั่งไปเลยดีกว่า
เมื่อฉินเฟิงให้สองพี่น้องหลี่รับตำแหน่ง เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะแสดงทัศนคติได้อย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงได้ประจักษ์ถึงความกล้าหาญของหลี่หลาง เขามีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับตำแหน่งนี้
สำหรับหลี่จาง ฉินเฟิงให้เขาคอยช่วยเหลือหลินฉวีฉีเป็นหลัก ถือเสียว่าเป็นที่ปรึกษา
เมื่อจัดการอำเภอเป่ยซีได้ชั่วคราวแล้ว ฉินเฟิงก็เปลี่ยนความสนใจไปยังร้านค้าสกุลฉินอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะขยายเส้นทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมลูกกวาดไปทางเหนือ สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“นายน้อย ท่านไปดูเร็วเจ้าค่ะ เกิดเรื่องแล้ว!”
เกิดเรื่อง?
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? ไม่ต้องรีบ เจ้าพูดให้ชัดเจน”
สาวใช้ดูเหมือนจะเร่งรีบวิ่งมา ใบหน้าของนางจึงซีดเซียว ทั้งยังหอบหายใจหนัก “เป็น… เป็นคุณหนูใหญ่ ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็มีคนหลายคนเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในหอวิจิตรศิลป์ คุณหนูใหญ่ไปโต้เถียง จึงถูกล้อเลียน!”
นี่มันอะไรกัน?!
ทันใด ฉินเฟิงเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ