บทที่ 391 ข้าเป็นคนดี
เสี่ยวเซียงเซียงมาจากภูมิหลัง ‘ต่ำต้อย’ แม้นางจะได้รับการคุ้มครองจากตระกูลฉิน รวมถึงความรักอันมากล้นของนายน้อย แต่ก็ไม่อาจเป็นถึงคุณหนูได้
สำหรับเสี่ยวเซียงเซียง จุดสูงสุดในชีวิตของนางคือการเป็นอนุภรรยาฉินเฟิง
แต่ยามนี้ ชาวบ้านรอบตัวกลับมองเสี่ยวเซียงเซียงด้วยความอิจฉาและยำเกรง
สาวใช้ตัวน้อยค่อย ๆ เข้าใจว่าในสายตาของทุกคน นางเป็นคนของนายน้อยแล้ว แม้จะยังไม่มีฐานะใดก็ตาม
เจ้าตัวซาบซึ้งใจ มีความสุข แต่ก็ยังเขินอายเล็กน้อย
เมื่อเสี่ยวเซียงเซียงเดินไปยังหอวิจิตรศิลป์ ผู้คนที่อยู่รอบตัวนาง รวมถึงผู้ที่มาจากตระกูลขุนนางต่างก็ก้าวถอยหลัง หลีกทางให้อย่างรู้ความ
นี่มันเรื่องตลกอันใด! เพื่อสาวใช้คนนี้ ฉินเฟิงถึงกับทำให้ฮ่องเต้เป่ยตี๋เลือดออก ฉะนั้นก่อนที่จะทำให้เสี่ยวเซียงเซียงขัดเคืองใจ ต้องชั่งน้ำหนักความหนักเบาให้ดีก่อน
ขณะเดียวกันในหอวิจิตรศิลป์ หลิวหลานกับเฉินเถิงต่างก็ขดตัวอยู่บนพื้น ยกมือกุมหัว ทำได้เพียงส่งเสียงคร่ำครวญเบา ๆ เท่านั้น จะยังหลงเหลือความภาคภูมิใจเหมือนตอนแรกได้อย่างไร?
ท่าทีของฉินเฟิงนั้นชัดเจนมาก หากกล้าแตะต้องคนในครอบครัวของเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน!
นายน้อยฉินไม่สนใจหลิวหลานกับเฉินเถิงที่ถูกทุบตีจนเกือบตายอีก เขาก้าวเดินไปที่ประตูแล้วเคาะเบา ๆ “พี่หญิงใหญ่ ไม่มีอะไรแล้ว ออกมาเถิด”
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออกช้า ๆ แล้วเสิ่นชิงฉือก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
เมื่อเห็นหลิวหลานกับเฉินเถิงนอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด บวกกับเสียงกรีดร้องตีโพยตีพายก่อนหน้านี้ เสิ่นชิงฉือก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าแค่ต้องขับไล่พวกเขาออกไป ไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือเลย”
เสิ่นชิงฉือปลอบโยนเขาเบา ๆ กังวลว่าจะทำให้ฉินเฟิงเกิดปัญหา
ฉินเฟิงวางไม้บรรทัดไว้ในมือของเสิ่นชิงฉือพลางยักไหล่อย่างไม่เห็นด้วย ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่นต่อหน้าทุกคน “พี่หญิงใหญ่ คนจิตใจดีอย่างข้า ไม่ถึงกับฆ่าแกงใครอยู่แล้ว ท่านดูสิ สองคนนี้ยังไม่ถูกทุบตีจนขาหักเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ บรรดานายน้อยที่เฝ้าดูความตื่นเต้นรอบบริเวณก็อดไม่ได้ที่จะหดคอ
จิตใจดีงามอันใด!
หากนี่เรียบร้อย แล้วถ้าฉินเฟิงแยกเขี้ยวยิงฟันกางเล็บ เผยให้เห็นด้านที่ดุร้ายของเขาจริง ๆ เขาจะโวยวายไปถึงขั้นไหนกัน?
ฉินเฟิงมองเสิ่นชิงฉือขึ้นและลง ตรวจจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี พลันเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะฉีกยิ้มอีกครั้ง “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
เมื่อรู้สึกถึงความกังวลในดวงตาของฉินเฟิง เสิ่นชิงฉือก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจอย่างอดกลั้นไม่ได้ที่
ฉินเฟิงหันกลับไปมองหลิวหลานกับเฉินเถิงที่ถูกทุบตีจนหมดสภาพนอนกองอยู่บนพื้น นายน้อยฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาโบกมือส่งสัญญาณไปยังทหารค่ายเทียนจีที่รออยู่นอกประตู “พาตัวสองคนนี้ไปค่ายเทียนจี!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเถิงที่แสร้งทำเป็นหมดสติเมื่อครู่ก็เด้งตัวขึ้นจากพื้นทันที ยามนี้ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ
“ฉินเฟิง… เจ้า… เจ้าอย่าทำมากเกินไป ต่อให้ตายข้าก็จะไม่ไปค่ายเทียนจี!”
ในเมืองหลวงมีข่าวแพร่สะพัดมานานแล้ว ว่ากันว่า ผู้บริสุทธิ์ต่อให้เข้าไปอยู่ค่ายเทียนจีสองสามวันก็จะได้ออกมาอย่างปลอดภัย
ในทางตรงกันข้าม เมื่อคนร้ายเข้าไปในค่ายเทียนจี นั่นก็ไม่ใช่แค่การทรมานทั่วไปเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าหน่วยสอดแนมที่ฉินเฟิงจับได้นั้นเคยถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นใด แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยเดินผ่านค่ายเทียนจีก็ล้วนต้องได้ยินเสียงกรีดร้องราวกับนรกดังมาจากข้างใน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่เข้าไปในค่ายเทียนจีเด็ดขาด!
น่าเสียดาย…

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ