บทที่ 397 เกล็ดย้อนของสกุลฉิน
จุดสนใจของทุกคนอยู่ที่องค์ชายรองและองค์ชายเจ็ด
ในคดีที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ราชวงศ์ก็ควรออกหน้า
โดยเฉพาะองค์ชายรอง
ตอนนั้นเกาหมิงสิ้นอำนาจ อาจกล่าวได้ว่าฉินเฟิงได้รับความชอบมากที่สุด ความคับข้องใจระหว่างตระกูลฉินกับองค์ชายรองเป็นดั่งน้ำแข็งหนาสามฉื่อ มิได้เกิดจากความหนาวเพียงวันเดียว ในเวลานี้ องค์ชายรองย่อมต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้ององค์ชายสิบเอ็ดและใช้โอกาสนี้ในการปราบปรามฉินเฟิง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมากลับทำให้ขุนนางทุกคนในที่เกิดเหตุตกใจอย่างมาก
องค์ชายรองนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด เพียงแค่พูดอย่างสงบว่า “สงครามแคว้นอยู่เบื้องหน้า ฮ่องเต้ปฏิบัติต่อขุนนางอย่างมีคุณธรรม ปลอบโยนจิตใจของผู้คนถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิบเอ็ดละเลยแว่นแคว้น กล่าววาจาหยิ่งยโส ดูหมิ่นวีรบุรุษ ถึงขนาดยุยงผู้อื่นให้แทะโลมบุตรีของขุนนางดูแลการสงครามต่อหน้าธารกำนัล”
“แค่ลงโทษเขาให้คัดลอกคัมภีร์บรรพบุรุษ นับว่าเห็นแก่สายโลหิตแห่งราชวงศ์ ให้ความเมตตานอกเหนือกฎหมาย!”
“ข้าคิดว่าการตัดสินใจของฉินเฟิงนั้นมิเหมาะสม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ องค์ชายรองก็เหลือบมององค์ชายเจ็ดแล้วถามอย่างสบาย ๆ “เจ้าเจ็ด เจ้าคิดว่าอย่างไร”
องค์ชายเจ็ดแย้มยิ้ม แม้ว่าเขาจะเห็นใจในสถานการณ์ขององค์ชายสิบเอ็ด แต่ความเห็นอกเห็นใจก็เรื่องหนึ่ง การลงมือช่วยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มชัดเจนแล้ว องค์ชายสิบเอ็ดตกเป็นเครื่องสังเวยภายใต้อำนาจของราชวงศ์ที่ต้องสังหารเขาหนึ่งคนแลกกับความมั่นคงของอำนาจแห่งราชวงศ์ นี่ก็เพราะว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว
“เสด็จพี่กล่าวได้ถูกต้อง ในฐานะองค์ชาย เราควรระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้มากขึ้น ทว่าสิบเอ็ดกลับเอ่ยวาจาหยิ่งยโส มีจุดจบเช่นนี้ย่อมเป็นความผิดของเขาเอง”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์ชายรองจึงหันไปมองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ “ใต้เท้าคิดว่าอย่างไร?”
แม้แต่องค์ชายทั้งสองยังพูดเช่นนี้ ดังนั้นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ย่อมหาทางลงให้ตนเอง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ศาลต้าหลี่สนับสนุนการตัดสินใจของผู้ตรวจการฉินอย่างเต็มที่”
ทันทีที่สิ้นประโยค ทหารรักษาพระองค์และองครักษ์หน้าพระที่นั่งก็หันหลังออกจากห้องโถงไป พลันก็ควบคุมตัวองค์ชายสิบเอ็ด นำตัวไปยังสำนักขุนนางฝ่ายในเพื่อพิจารณาคดีครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำตัวไปกักบริเวณในวังหลัง
อารมณ์ของเสิ่นชิงฉือซับซ้อนอย่างมาก นางไม่เคยคิดฝันว่าเพื่อนางแล้ว ฉินเฟิงจะถึงกับโค่นองค์ชายสิบเอ็ดลง
แทนที่จะกล่าวว่าตกใจ ไม่สู้พูดว่าซาบซึ้งใจจะดีกว่า
ตระกูลฉินมีบุตรเช่นนี้ นับเป็นวาสนาของคนในครอบครัว
ในขณะนี้ เสิ่นชิงฉือรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตนได้รับการปกป้องอย่างดี กระแสความอบอุ่นไหลอวลอยู่ในดวงใจของนาง
และในวันที่องค์ชายสิบเอ็ดถูกนำตัวกลับวัง ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง
ชาวบ้านในเมืองหลวง บ้างตกตะลึง บ้างชื่นชมยินดี
“คิดไม่ถึงว่านายน้อยฉินจะโค่นองค์ชายสิบเอ็ดลงได้จริง ๆ! ช่างน่าเหลือเชื่อนัก”
“ไม่ใช่แค่โค่นองค์ชายสิบเอ็ด? ว่ากันว่านายน้อยฉินพิจารณาคดีด้วยตนเอง ขับไล่องค์ชายสิบเอ็ดกลับไปที่วังหลัง และลงโทษให้คัดลอกคัมภีร์บรรพบุรุษของฮ่องเต้พระองค์ก่อน”
“ว่ากันว่า… แม้แต่องค์ชายรองและเจ็ดก็ยังอยู่เพื่อสนับสนุนคำตัดสินของนายน้อยฉินอย่างเต็มที่ ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ผู้ดูแลสำนักไท่ฉาง และผู้ช่วยเสนาบดีกรมคลังก็อยู่พร้อมหน้า”
“ฮ่า ๆ องค์ชายสิบเอ็ดก็จริง ๆ เลย ตอนนี้ในต้าเหลียง ใครไม่รู้บ้างว่าเกล็ดย้อนของฉินเฟิงคือครอบครัวของเขา ตอนนั้นเพื่อสาวใช้คนหนึ่งก็แทบทำให้เดือนร้อนไปทั่ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่หญิงใหญ่ของฉินเฟิงเลย”
“คราวนี้องค์ชายสิบเอ็ดเตะเท้าบนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว เกรงว่าต่อไป จะไม่มีใครกล้าแตะต้องครอบครัวของนายน้อยฉินอีก”
เมื่อเทียบกับการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ประชาชน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ