บทที่ 404 สั่งสอนบทเรียน
นับตั้งแต่เวลาฉินเฟิงออกจากวัง สิบวันให้หลัง รายงานการสังหารหวงเฉิงจะต้องถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง
พึงต้องรู้ว่า แค่จากเมืองหลวงไปถึงอำเภอผิงหนาน ควบม้าเร็วก็ต้องใช้เวลาสองวันสองคืนแล้ว หากการเดินทางล่าช้าเล็กน้อยก็จะใช้เวลาสามวัน เมื่อไปถึงสถานที่ก็จะใช้เวลาอีกหนึ่งถึงสองวันในการประสานงาน
และใช้เวลาสองวันในการส่งรายงานกองทัพกลับไปยังเมืองหลวง
เมื่อคำนวณเช่นนี้ เวลาที่เหลือสำหรับฉินเฟิงในการโจมตีเมือง มากที่สุดเพียงห้าวัน น้อยที่สุดเพียงสามวันเท่านั้น!
ตีเมืองในห้าวันหรือ? ในกองทัพนี่เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
หัวใจของฉินเทียนหู่แทบจะกระเด็นออกมา แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่มั่นใจของบุตรชาย เขาทำได้แค่เชื่อมั่นไปก่อนเท่านั้น
หลังจากกลับมาที่จวนสกุลฉิน ฉินเฟิงก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปที่อำเภอผิงหนาน
เขาออกคำสั่งโดยตรงไปยังผู้ส่งสารขององครักษ์เสื้อแพร แจ้งให้จ้าวอวี้หลงที่ประจำการอยู่ในอำเภอเป่ยซีทราบทันที จากนั้นก็ให้นำกองทหารม้าเกราะหนักที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ไปยังค่ายแม่ทัพรถม้าศึก
สวีโม่ได้รับคำสั่งให้นำทหารองครักษ์ค่ายเทียนจีจำนวนยี่สิบนายแทรกซึมเข้าไปสอดแนมในค่ายแม่ทัพรถม้าศึก
ความคิดของฉินเฟิงนั้นชัดเจนมาก หัวใจหลักของการโจมตีอำเภอผิงหนานไม่ใช่อำเภอผิงหนาน แต่เป็นแม่ทัพรถม้าศึก!
หลังจากอธิบายชัดเจน นายน้อยเจ้าสำราญก็ออกเดินทางด้วยสัมภาระน้อยชิ้นภายใต้การคุ้มครองของจิ่งเชียนอิ่ง
ทันทีที่ออกจากจวนสกุลฉิน ฉินเฟิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ผู้คนในเมืองหลวงหลั่งไหลออกมาบนถนน คารวะส่งเขาเป็นครั้งคราว
ยิ่งใกล้ประตูเมืองก็ยิ่งมีคนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“นายน้อยฉิน โปรดรักษาตัวด้วย!”
จากความรู้สึกเสียใจและความเศร้าโศกในสายตาของผู้คน ฉินเฟิงจึงเข้าใจทันทีว่าไท่เป่าหลินต้องส่งคนไปกระจายข่าวเพื่อปฏิบัติตาม ‘คำสั่งทางทหาร’ ของฉินเฟิง ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งเมือง ถึงตอนนั้นเมื่อการปิดล้อมล้มเหลว ฉินเฟิงย่อมไม่มีทางที่จะหลบเลี่ยงได้ สำหรับชาวเมือง การเดินทางไปยังอำเภอผิงหนานของฉินเฟิงครานี้เปรียบเสมือนการไปตาย
นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้คนจึงมาส่งนายน้อยฉินอย่างพร้อมเพรียง
ฉินเฟิงเองเข้าใจว่าผู้คนมีเจตนาดีจึงกล่าวคำอำลากับบรรดาชาวบ้านร้านตลาดที่รวมตัวกันหน้าประตูเมืองทันที “อีกสิบวัน ข้า ฉินเฟิง จะกลับมาที่เมืองหลวง พ่อแม่พี่น้องทุกคนไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ผู้คนที่เห็นเขาออกไปก็รู้สึกโศกเศร้ามากยิ่งขึ้น
ในความเห็นของพวกเขา คำพูดของฉินเฟิงไม่มีอะไรมากไปกว่าคำอำลาที่กล้าหาญ ก่อนที่ผีเสื้อกลางคืนตัวหนึ่งจะบินเข้าไปในเปลวไฟ
เมื่อมองไปทางเงาร่างที่กำลังห่างออกไปของฉินเฟิง ผู้คนต่างก็ถอนหายใจ
“เฮ้อ! จากนี้ไปใต้หล้าจะสูญเสียคนดีไปอีกคนแล้ว!”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก นายน้อยฉินรู้ว่าราคาธัญพืชในเจียงหนานเพิ่มขึ้น กลัวว่าผู้คนจะไม่สามารถซื้ออาหารได้ เขาจึงเปิดร้านธัญพืชสกุลฉิน ขายในราคาต่ำ พุ่งเป้าต่อกรกับพ่อค้าธัญพืชในเจียงหนาน ลดราคาธัญพืชโดยไม่คำนึงถึงต้นทุน นี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผู้คนในต้าเหลียงรึ?”
“คนดีมักอายุสั้นน่ะสิ!”
“นายน้อยฉินจากไปครานี้ ต่อไปจะมีใครยืนหยัดเพื่อชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเราอีก”
ฉินเฟิงและจิ่งเชียนอิ่งต่างขี่ม้าเร็วมุ่งหน้าไปยังอำเภอผิงหนาน ระหว่างทางก็แวะจุดพักม้าเพื่อเปลี่ยนเป็นม้าทหาร ดื่มน้ำสองอึก กินข้าวอีกสองสามคำ จากนั้นจึงเร่งเดินทางต่อ ไม่เคยพักค้างคืนที่โรงพักม้าเลย
ประการแรก ต้องรีบเร่งเดินทาง ประการที่สองเพื่อป้องกันไม่ให้ไท่เป่าหลินก่อปัญหา ส่งคนมาดักสังหารกลางทาง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ