บทที่ 420 ความสำเร็จอันมหัศจรรย์ที่ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง
สาวใช้ที่ยืนอยู่นอกจวนตระกูลฉินหันกลับมาตะโกนด้วยความดีใจ “นายน้อยกลับมาแล้ว!”
บ่าวรับใช้จวนตระกูลฉินที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อหลั่งไหลออกมาจากประตูทีละคน ต่างมองไปยังฉินเฟิงที่นอนอยู่บนกองหญ้าบนเกวียน พวกบ่าวรับใช้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วพวกเขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ติดตามเกวียนมา รวมถึงชาวบ้านร้านตลาดที่รอต้อนรับเรียงรายตามถนน จากนั้นก็รู้สึกภาคภูมิใจ
“ว้าว สมแล้วที่เป็นนายน้อย สามารถทำเรื่องเหนือความคาดหมายและน่าตื่นเต้นได้เสมอ”
“ฮิฮิ ก็ท่านเป็นนายน้อยอย่างไรเล่า ย่อมแตกต่างกับคนธรรมดา”
“เมื่อดูแม่ทัพและวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของต้าเหลียง ไม่ว่าใครที่กลับมาพร้อมชัยชนะล้วนได้นั่งอยู่บนหลังอาชาสูงใหญ่ โปรยปรายด้วยดอกไม้ผ้าแพร แต่นายน้อยของเราเป็นคนเดียวที่ยังถ่อมตัว”
แม้ว่าบ่าวรับใช้จะบอกว่าถ่อมตัว แต่ใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขากลับแดงปลั่งด้วยความตื่นเต้น ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดก็ออกมาที่ถนน นายน้อยฉินช่างเปล่งประกายจริง ๆ
พอฉินเฟิงกระโดดลงจากเกวียนวัว บนร่างก็มีหญ้าติดอยู่ทั่ว ครั้นกำลังจะแอบเข้าไปในจวน ฉินเทียนหู่และหลิ่วหงเหยียนก็ตามกันออกมา
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น นายน้อยเจ้าสำราญจึงต้องหยุดฝีเท้า โค้งคำนับทักทายฉินเทียนหู่ “คารวะท่านพ่อ”
ฉินเทียนหู่รู้เรื่องผลงานทางทหารอันโด่งดังของฉินเฟิงแล้ว เขาไม่สามารถซ่อนความภาคภูมิใจบนใบหน้าได้ แต่ในขณะนี้เห็นว่าฉินเฟิงสงวนท่าที ไม่แสดงความเย่อหยิ่ง ฉินเทียนหู่ก็รู้สึกโล่งใจ ตระกูลฉินมีลูกชายเช่นนี้ เขายังต้องขอสิ่งใดอีก?
แม้แต่ฉินเทียนหู่ผู้เป็นที่เลื่องลือในเรื่องการอบรมบุตรอย่างเข้มงวดมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้ม ยื่นมือตบไหล่ที่พึ่งพาได้มากของฉินเฟิง “ไม่เลวเฟิงเอ๋อร์ ไม่เสียทีที่เป็นคนตระกูลฉินของข้า!”
หลิ่วหงเหยียนที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้บอกว่าจะกลับมาภายในสิบวันหรือ? ไยรีบกลับมาล่วงหน้าหลายวันขนาดนี้”
แม้หลิ่วหงเหยียนอยากจะชื่มชมฉินเฟิงว่า การศึกชายแดนเหนือทำได้ไม่เลว
แต่สงครามครานี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปราวไม่ใช่เรื่องจริง
ดังนั้นเมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากของนาง หลิ่วหงเหยียนจึงเปลี่ยนเรื่อง
ฉินเฟิงลูบจมูก พูดอย่างสบาย ๆ เช่นเคย “ไม่ใช่เพราะข้าคิดถึงพี่หญิงหรือ? ข้าอยากรีบกลับมาหาท่าน ดังนั้นข้าจึงทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว”
ฝูงชนที่รวมตัวกัน ณ ตรงนั้น สามารถอธิบายได้ว่า ‘มืดฟ้ามัวดิน’
ทันทีที่ฉินเฟิงพูดเช่นนี้ หลิ่วหงเหยียนก็หน้าแดงก่ำ แม้ในใจจะคันยุบยิบ ความสุขในอกเกินคำบรรยาย แต่นางก็เอ่ยแขวะใส่ฉินเฟิง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “มีคนตั้งมากมาย เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร บุรุษควรให้ความสำคัญกับการปกป้องครอบครัวและแว่นแคว้น วัน ๆ จะเอาแต่พูดถึงความรักชายหญิงได้หรือ?”
เมื่อเผชิญกับคำสั่งสอนของหลิ่วหงเหยียน ฉินเฟิงไม่เพียงแต่ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง แต่ยังตะโกนว่า “ข้าแค่พูดความจริง หากท่านไม่เชื่อก็ถามพี่หญิงสี่ดู!”
จิ่งเชียนอิ่งที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า “พี่หญิงรอง เฟิงเอ๋อร์พูดถึงท่านมาตลอดทางจริง ๆ”
แก้มของหลิ่วหงเหยียนร้อนผ่าว ต่อหน้าผู้คนมากมายนางรู้สึกเขินอายจนอยากจะหารอยแยกบนพื้นแล้วมุดเข้าไป ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่มองฉินเฟิงแบบทั้งรักทั้งชัง
ช่วงเวลาเดียวกัน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์หรือแม้แต่ขุนนาง พวกเขาต่างก็มีสีหน้าซับซ้อนและสายตายากจะอธิบาย
เสียงถกเถียงไม่มีที่สิ้นสุด
“ได้ยินไหม นายน้อยฉินบอกว่าเพื่อที่จะกลับมาพบคุณหนูรองโดยเร็วที่สุด เขาถึงได้รีบปราบกบฏหวงเฉิง!”
“ทำไมจะไม่ได้ยินเล่า? ความสำเร็จเช่นนี้ถูกนายน้อยฉินพูดราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย ราวกับว่าการปราบกบฏหวงเฉิงและขับไล่กองทัพซางกานไม่มีค่าให้กล่าวถึงเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นายน้อยฉินเป็นนายน้อยอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ย่อมมีความสามารถเช่นนี้เป็นธรรมดา!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ