บทที่ 434 ยอดฝีมือผู้เร้นกาย
ทันใดนั้นเว่ยเซียวก็ตระหนักได้ว่านักล่ามักปรากฏตัวเป็นเหยื่อ และในการต่อสู้ลับ ๆ นี้ ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครกำลังล่าใคร!
เว่ยเซียวรู้จุดจบของตนเองดีแต่กลับไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เขาเอ่ยอย่างสบาย ๆ “ต่อไปเจ้าคงวางแผนที่จะทรมานข้า เค้นคำสารภาพ ตราบใดที่ข้าเปิดเผยว่าใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ลงทัณฑ์เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์หรือการลอบสังหารหลี่เซียวหลานก็เพียงพอที่จะทำให้คนผู้นั้นล้มลงแล้ว เอาสิ! ทำให้ข้าได้เห็นฝีมือค่ายเทียนจีของเจ้าเสียหน่อย”
เมื่อเห็นว่าเว่ยเซียวรู้ตัว ฉินเฟิงไม่เพียงแต่ไม่มีความเกลียดชังในใจแต่ยังรู้สึกซาบซึ้ง เขายิ้มและส่ายหัวไปมา “ถ้าข้าวางแผนที่จะทรมานเจ้า ข้าคงทำไปแล้วตั้งแต่ที่อำเภอเป่ยซี ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้”
ทันทีที่สิ้นประโยค เว่ยเซียวก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ฉินเฟิงยักไหล่ ก่อนจะเอ่ยอย่างสบาย ๆ “ตราบเท่าที่ข้าเต็มใจ ข้ามั่นใจว่าจะง้างปากของเจ้าได้ ไม่มีคนหัวแข็งคนใดในโลกที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ เจ้าเคยมีโอกาสมากมายที่จะลงมือฆ่าข้าและพี่หญิงสามแต่ก็ปล่อยไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าข้าตอบแทนความเมตตาด้วยความแค้น มันจะไม่ดูชั่วร้ายเกินไปหน่อยหรือ?”
“ไม่ต้องห่วง เจ้าแค่ต้องอยู่ที่นี่อย่างสงบ ข้าจะหาอาหารและสุราดี ๆ มาให้เจ้าเอง ไม่มีทางปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้ายแน่นอน”
“สำหรับผู้บงการเบื้องหลัง ฮึ ๆ เว่ยเซียว เจ้าเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้าก็จริง น่าเสียดายที่เจ้าไม่เข้าใจเรื่องการเมือง ไม่ต้องพูดถึงความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย เพราะต่อให้เป็นความผิดร้ายแรงก็ไม่สามารถโค่นล้มคนผู้นั้นได้!”
“ฮึ ๆ ข้าไม่ได้จะลงมือกับคนผู้นั้น แต่ข้าเกลียดคนผู้นั้น ตราบใดที่เจ้าอยู่ในมือข้าหนึ่งวัน คนผู้นั้นก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกหนึ่งวัน!”
เว่ยเซียวหรี่ตาลง อดไม่ได้ที่จะมองฉินเฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน หากเขาไม่เห็นด้วยตาของตัวเองใครจะคิดว่าชายบ้าบิ่นที่เดินทางหลายพันลี้เพื่อไปช่วยมารดาจะมีความคิดลึกซึ้งขนาดนี้!
มิน่าเล่า หลี่เซียวหลานถึงได้ซ่อนตัวอยู่ใต้ปีกของตระกูลฉิน
หากมองในแง่ดี เกรงว่าคงมีเพียงตระกูลฉินเท่านั้นที่สามารถปกป้องหลี่เซียวหลานได้
ทันใดนั้นฉินเฟิงก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “ทีนี้มาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาดของข้ากันดีกว่า”
เมื่อเห็นความซับซ้อนในดวงตาของเว่ยเซียว ฉินเฟิงก็หัวเราะ “การหาเรื่องคนผู้นั้นไม่นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ท้ายที่สุดเมล็ดพันธุ์ความแค้นก็ฝังแน่นมานานแล้ว ข้าทำการตอบโต้ก็สมเหตุสมผล ส่วนสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาด เกรงว่าจะหมายถึงอย่างอื่นกระมัง?”
คราวนี้ ในที่สุดเว่ยเซียวก็เข้าใจถึงความร้ายกาจของฉินเฟิง
คนผู้นี้ดูเหมือนจะไร้กังวล แต่จริง ๆ แล้วระมัดระวังอย่างมาก ไม่มีรายละเอียดใด ๆ ที่จะหลุดรอดจากความฉลาดของเขาได้
ตอนนี้เมื่อถูกมองออก เว่ยเซียวก็ไม่ลังเล แสยะยิ้มเย้ยหยันทันที “ฉินเฟิง การตัดสินใจเมื่อครู่นี้ของเจ้าเพิ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้ เจ้ารู้หรือไม่”
“เจ้าพูดอะไร” ฉินเฟิงเลิกคิ้ว
ดวงตาของเว่ยเซียวเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ตั้งแต่ที่เจ้าจับข้า ความสัมพันธ์ในการจ้างงานระหว่างข้ากับคนผู้นั้นก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว หากเจ้าลงมือกับข้าอีกก็จะถือว่าเป็นความแค้นส่วนตัว”
เกือบจะทันทีที่พูดจบ ฉินเฟิงก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
เมื่อหันกลับไปมองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่นในใจ
ผู้คุมที่ดูแลเรือนจำถูกสังหารอย่างเงียบ ๆ และผู้คุมที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินเฟิงก็มีกระบี่ปักคาอยู่ที่หน้าอก
เลือดยังคงหยดลงมาตามปลายกระบี่
ขณะเดียวกัน ปากของผู้คุมก็ถูกมือสีดำข้างหนึ่งปิดไว้
ตึ้ง…
กระบี่ยาวถูกดึงออกมา ร่างของผู้คุมล้มลงบนพื้น มือสีดำที่ซ่อนอยู่ข้างหลังค่อย ๆ ปรากฏออกมา แทบไม่ต่างจากการแต่งกายของเว่ยเซียวในตอนนั้น
อีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ ใบหน้าบดบังด้วยหน้ากากสีขาว มีเพียงดวงตาคู่เดียวเท่านั้นที่จับจ้องไปยังฉินเฟิงอย่างเย็นชา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ