บทที่ 435 กล้าปลอมตัวเป็นฉินเชียนฮู่
ฉินเฟิงโบกมือหยุดทหารค่ายเทียนจีไว้
ท้ายที่สุดแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นยอดปรมาจารย์เร้นกาย ที่แห่งนี้เป็นภูเขาที่มีภูมิประเทศซับซ้อน แมกไม้นานาพรรณหนาแน่น เอื้ออำนวยอย่างยิ่งต่อการทำสงครามกองโจร
ศัตรูอยู่ในที่ลับ เราอยู่ในที่แจ้ง หากไล่ตามไปจะเสียเปรียบหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายฉินเฟิง ตอนนี้เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะก่อความขัดแย้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่สะดวกที่ทหารค่ายเทียนจีจะรั้งอยู่ที่เมืองหลวง ฉินเฟิงจึงให้ทหารค่ายเทียนจีกลับไปที่อำเภอเป่ยซีทันที
ส่วนองครักษ์เสื้อแพร การเคลื่อนไหวในช่วงนี้นับว่าบ่อยเกินไป อาจดึงดูดความสนใจขององครักษ์ชุดดำได้
เพื่อความปลอดภัย ฉินเฟิงตัดสินใจย้ายองครักษ์เสื้อแพรส่วนใหญ่ในพื้นที่เมืองหลวงออกไป เหลือไว้เพียงสิบกว่าคนเพื่อเป็นกองสนับสนุน
ภูเขาถานหลงอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า ๆ
เหลือเพียงองครักษ์เสื้อแพรสองคนไว้คุมกันอย่างลับ ๆ ส่วนฉินเฟิงก็เดินกลับคนเดียว เมื่อเห็นเมืองที่อยู่ตรงหน้า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้พลันมีเสียงกีบม้าดังขึ้น
เมื่อมองไปตามเสียงก็เห็นทหารม้ากลุ่มหนึ่งวิ่งทะยานมาจากทางทิศใต้ของเมือง คาดว่าน่าจะมีมากกว่าสามสิบคน พวกเขาต่างสวมชุดเกราะ แต่เป็นชุดเกราะเบา
ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ ใกล้เมืองหลวงเช่นนี้จะมีทหารม้าได้อย่างไร? คงไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้าหรอกกระมัง? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟิงก็หันหลังเตรียมวิ่งหนี น่าเสียดาย ขาทั้งสองข้างของเขาจะวิ่งเร็วกว่าขาทั้งสี่ของทหารม้าได้อย่างไร?
เพียงชั่วพริบตาเดียวอีกฝ่ายก็ใกล้ตามทันแล้ว เมื่อเขาเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฉินเฟิงก็หายใจเข้าลึก ตะโกนบอกทหารม้าที่อยู่รอบ ๆ ทันที “นายท่านไว้ชีวิตด้วย!”
เวลาไปเจอกองทหารข้างนอก ไม่ว่าฐานะของตนเองจะสูงแค่ไหนก็ยังต้องประพฤติตัวอ่อนน้อมว่าง่ายเข้าไว้
ความโอหัง จะนำไปสู่ความตายเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนในโลกที่จะรู้จักตัวตนของฉินเฟิง ถ้าพบกับคนหัวดื้อหัวแข็งชักดาบบั่นคอฉินเฟิงขึ้นมา ต่อให้อยากจะร้องไห้ก็คงไม่ทันแล้ว
เมื่อทหารม้าเห็นว่าฉินเฟิงว่าง่ายเช่นนี้ก็เก็บหอกในมือก่อนจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ เขาหลายครั้ง
หัวหน้าทหารม้าตะโกนอย่างดุเดือด “เจ้าทำอะไร! ทำไมเจ้าถึงเดินอยู่ตามลำพังในพื้นที่สำคัญของเมืองหลวง!”
ฉินเฟิงไม่ทราบที่มาของทหารม้าเหล่านี้ เขาจึงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนอย่างหุนหันพลันแล่น ชายหนุ่มเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “กำลังเดินทาง นายท่านโปรดอำนวยความสะดวก”
สายตาของผู้นำกองทหารม้าไม่ประสงค์ดี “กำลังเดินทางรึ? มีหนังสือผ่านทางหรือไม่!”
หนังสือผ่านทาง ฉินเฟิงต้องใช้ของแบบนั้นเสียที่ไหน ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็แค่พากำลังคนบุกไปที่นั่น
เพียงแต่ในวันนี้ไม่มีทหารอารักขาคอยสนับสนุน แม้ว่าองครักษ์เสื้อแพรทั้งสองจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็เก่งในการลอบสังหารเท่านั้น หากมีความขัดแย้งก็อาจถูกกองทหารม้าเหยียบย่ำจนตายได้
เมื่อเห็นท่าทีมีลับลมคมในของฉินเฟิง ผู้นำกองทหารม้าก็หมดความอดทนและคำรามเสียงต่ำ “ตอนนี้เมืองหลวงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ห้ามใครเข้าหรือออกจากเมืองหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต ในเมื่อเจ้าไม่มีหนังสือผ่านทาง เช่นนั้นก็โทษเจ้าที่โชคร้ายเอง!”
ทันทีที่พูดจบ ทหารม้าก็หยิบหอกของพวกเขาขึ้นมา เตรียมที่จะแทงฉินเฟิงออกไป
ฉินเฟิงมองไปที่หอก หัวใจพลันเต้นรัว อย่างไรก็ตาม คำพูดของกองทหารม้าทำให้ฉินเฟิงรู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ได้มีเหตุอันใด ไยถึงมีการใช้กฎอัยการศึก?”
ผู้นำทหารม้าตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินเชียนฮู่ ทูตพิเศษดูแลการสงครามถูกลักพาตัวไป ทั้งสามสิบหกอำเภอในเมืองหลวงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เจ้ายังมีคำถามใดอีกหรือไม่ ข้าจะบอกให้รู้ เจ้าจะได้ตายอย่างสิ้นความสงสัย”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
ฉินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มรีบตบหน้าอกของตนเอง “ข้าคือฉินเฟิง!”
ไม่พูดก็ยังดีเพราะทันทีที่เขาพูด ผู้นำทหารม้าก็ถลึงตามองแล้วตวาดใส่ “บังอาจ! กล้าดีอย่างไรมาปลอมตัวเป็นฉินเชียนฮู่!”
“ฉินเชียนฮู่เป็นบุคคลระดับไหนกัน ครั้งหนึ่งเขาเดินทางหลายพันลี้ไปทางชายแดนเหนือเพื่อช่วยมารดา สังหารจงหลิง ขุนพลหยาเจี้ยงในตำนานของเป่ยตี๋ นอกจากนี้ยังปราบกบฏในเจ็ดวัน และเอาชนะกองทัพซางกานแห่งเป่ยตี๋ ช่างเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ หาใช้ผู้ที่คนอ่อนแอเช่นเจ้าจะเทียบเคียง?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ