บทที่ 443 การต่อสู้ที่ดุเดือด
ทหารรักษาการณ์อำเภอเป่ยซีอยู่ห่างจากเฉินซือไม่ถึงสามลี้!
เฉินซือได้ยินเสียงตะโกนของการฆ่าฟันที่ดังมาจากระยะไกลอย่างชัดเจน องครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ คุกเข่าขอร้องให้เฉินซือหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่เฉินซือไม่สนใจพวกเขา แววตาหนักแน่นอย่างยิ่ง
“ถ้าข้าต้องหลั่งโลหิตในสนามรบก็เป็นเพราะสวรรค์ไม่เข้าข้างเป่ยตี๋ของเรา!”
ทันทีที่สิ้นประโยค เสียงกีบเท้าม้ารวดเร็วและหนาแน่นก็ดังมาจากด้านหลังเฉินซือ
ทหารม้าเกราะเบาห้าพันนายก็พุ่งทะยานเข้ามาผ่านจุดที่เฉินซืออยู่ ตรงไปยังทหารรักษาการณ์อำเภอเป่ยซี
ทหารม้าเกราะเบาของเป่ยตี๋นั้นรวดเร็วว่องไวอย่างยิ่ง เพียงพริบตาก็มาถึงสนามรบ ทว่าไม่ได้ต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่แบ่งปีกสองข้างล้อมโจมตีทหารรักษาการณ์อำเภอเป่ยซีจากทั้งสองทิศทาง ทหารม้าเป่ยตี๋เกือบทั้งหมดเติบโตมาบนหลังม้า ทักษะการขี่ม้าเป็นเลิศ พวกเขาคุกคามและกลืนกินทหารรักษาการณ์อำเภอเป่ยซีอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าม้าจะโจนทะยานว่องไว แต่ความแม่นยำในการยิงธนูของพลธนูก็ยังคงสูงจนน่าตกใจ
ทหารม้าเกราะเบากองนี้จัดการกับทหารม้าเกราะหนักได้ง่าย ๆ เกือบจะทุกนายมีลูกศรเจาะเกราะ อาศัยความเร็วของม้า ก่อกวนและยิงธนูใส่ทหารม้าทมิฬเกราะหนักของเป่ยซี
ในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ทหารม้าทมิฬหลายสิบนายในอำเภอเป่ยซีก็ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว!
ทหารม้าทมิฬที่ล้มลงบนพื้น บนร่างมีลูกธนูปักอยู่หนาแน่นจนเหมือนตัวเม่น
เมื่อเผชิญหน้ากับทหารเกราะเบาของเป่ยตี๋ที่มีทักษะการยิงธนูแม่นยำและม้าศึกที่ว่องไว แม้แต่จ้าวอวี้หลงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำกลุ่มทหารม้าทมิฬตั้งกระบวนทัพต้านรับ ยิงธนูโจมตีกลับอย่างต่อเนื่อง ธนูของทหารม้าทมิฬมีระยะการยิงไกลกว่า หากเพียงแลกธนูกับทหารม้าเกราะเบาแห่งเป่ยตี๋ก็ไม่นับว่าเปลืองแรง แต่ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายยิงศรแลกกันไปมา บางครั้งก็จะมีทหารม้าเกราะเบากลุ่มเล็ก ตวัดหอกพุ่งเข้าโจมตีทหารม้าทมิฬไปด้วย
ขึ้นอยู่กับความเร็วของม้าและความสามารถในการทำลายเกราะที่น่าสะพรึงกลัวของหอก ตราบใดที่ถูกโจมตี แม้แต่ทหารม้าทมิฬก็ยังถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“แม่ทัพจ้าว! ทหารม้าเกราะเบาพวกนี้มาจากหน่วยอินทรีแห่งเป่ยตี๋ เชี่ยวชาญการรบบนหลังม้า แม้ว่าเราจะมีชุดเกราะหนัก แต่เราก็ไม่อาจสูญเสียกำลังพลไปเช่นนี้นะขอรับ!”
ดวงตาของจ้าวอวี้หลงเคร่งขรึม
กำลังทหารเกือบหนึ่งหมื่นนายที่กองทัพซางกานทิ้งไว้คุมเชิงอำเภอเป่ยซีถูกสังหารหมดแล้ว พวกเขากำลังจะบุกผ่านชายแดนตรงไปยังแนวรบเป่ยตี๋ ทว่ากลับถูกกองกำลังหน่วยอินทรีย์เข้าโจมตี ทั้งยังส่งผลเสียต่อกองทหารม้าทมิฬอย่างมาก หากยังคงดึงดันจะสู้ต่อไป ย่อมประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่ แต่ทันทีที่ถอยทัพ สำหรับทหารม้าทมิฬแล้วยิ่งเป็นอันตราย
เมื่อทหารม้าเกราะหนักเผชิญหน้ากับการไล่ตามทหารม้าเกราะเบา นี่ก็เกือบจะเป็นการสังหารหมู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี
จ้าวอวี้หลงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มแน่วแน่อย่างยิ่ง “ซื่อจื่อมีคำสั่ง! ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องบุกผ่านชายแดน บุกเข้าไปในแนวรบเป่ยตี๋ คุ้มกันชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังให้ทำการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงให้ได้ ถ่ายทอดคำสั่งข้า ห้ามถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ยิงธนูสวนกับศัตรู รอทัพเสริม!”
ช่วงเวลาเดียวกัน ทหารส่งสารของเป่ยตี๋ก็กลับมาหาเฉินซือแล้ว
“ท่านแม่ทัพ! ทหารม้าทมิฬเกราะหนักของเป่ยซีไม่ได้ล่าถอย ยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม ยิงธนูสวนกับทหารม้าเกราะเบาของเราขอรับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซือก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ใครคือผู้นำทัพ?!”
“เรียนท่านแม่ทัพ ผู้บัญชาการทหารม้าทมิฬของศัตรูคือจ้าวอวี้หลง บุตรชายของจ้าวหลี ผู้บัญชาการกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ที่ประจำการอยู่เมืองหลวงแห่งต้าเหลียง”
หลังจากรับรู้ตัวตนของแม่ทัพฝ่ายศัตรูแล้ว เฉินซือก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
“อำเภอเป่ยซีเล็ก ๆ ไยจึงมีขุนพลมากความสามารถเช่นนี้!”
“จ้าวอวี้หลงผู้นั้นเป็นบุตรชายของจ้าวหลี เมื่อเผชิญกับการโจมตีของทหารม้าเกราะเบายังสงบนิ่งได้เพียงนี้ หากทหารม้าทมิฬยังไม่ถอยก็ยากจะจัดการ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ