บทที่ 45 ศิลปะแห่งการมอบของขวัญ
ไม่ว่าจี้อ๋องจะใจดีเพียงใด แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
อู๋ยงมองเห็นปฏิกิริยาเจ้าของงาน อดไม่ได้ที่จะระเบิดความยินดีออกมา ไม่รอให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไป เขาโค้งคำนับจี้อ๋องทันที จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงดัง “ท่านอ๋องขอรับ ฉินเฟิงห่อของขวัญมาในกระสอบพัง ๆ เขาจงใจเยาะเย้ยท่านตั้งแต่แรก มาตอนนี้ยังเอ็ดตะโรในงานเลี้ยงอีก บุตรชายเสนาบดีกรมกลาโหมทำให้ท่านลำบากแล้ว ท่านอ๋องโปรดลงโทษฉินเฟิง เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่นด้วย!”
ไม่มีใครรู้เลยว่า นี่คือประโยคที่ฉินเฟิงเฝ้ารอคอย เขาคุกเข่าลงบนโต๊ะ ก่อนจะตะโกนลั่น “ท่านอ๋องโปรดตรวจสอบ เพื่อเตรียมของขวัญนี้ให้ท่านอ๋อง ข้าน้อยอดหลับอดนอนจนเปลือกตาไม่ได้ปิดอยู่หลายวัน เดิมอยากให้ท่านอ๋องเปรมปรีดิ์ คาดไม่ถึงว่าหลี่รุ่ยกับคนอื่น ๆ จะใส่ร้ายความบริสุทธิ์ของข้า ขอท่านอ๋องโปรดตัดสินด้วย”
หลี่รุ่ยสาปแช่งในใจ อู๋ยงเป็นคนขอให้ท่านอ๋องลงโทษเจ้า เจ้าจะลากข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยทำไมเล่า!
อู๋ยงเอือมระอากับความหน้าด้านหน้าทนของฉินเฟิง ในสถานการณ์แบบนี้อีกฝ่ายยังพูดเรื่องไร้สาระออกมาได้ไม่อายปาก และยังมีหน้ามาฟ้องกลับอีก
แม้จี้อ๋องจะไม่พอใจ แต่หากเขาลงโทษบุตรชายเสนาบดีกรมกลาโหมต่อหน้าธารกำนัล เรื่องราวชวนปวดหัวมากมายย่อมตามมา ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ฉินเฟิงเพิ่งตกน้ำ ว่ากันว่าจิตใจของเขาย่ำแย่ การถือสาหาความอีกฝ่ายคงไม่ใช่เรื่องดีนัก
จี้อ๋องโบกมือ “เอาล่ะ ๆ พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว หยุดแค่นี้เสีย”
จี้อ๋องพูดพลางมองไปที่ฉินเทียนหู่ด้วยใบหน้าขุ่นเคือง “ใต้เท้าฉิน เฟิงเอ๋อร์ เด็กคนนี้ป่วยหนัก เขาควรกลับไปรับการรักษา อย่ามัวรอช้า เด็กดี ๆ คนหนึ่งต้องมาป่วยเช่นนี้ น่าสงสารนัก”
ฉินเทียนหู่หน้าร้อนราวกับถูกไฟเผา ทว่าทำได้เพียงระงับความโกรธในใจ และส่งยิ้มให้เจ้าของงาน “ท่านอ๋องสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”
จากนั้นเสนาบดีกรมกลาโหมก็หันหน้าไปหาบุตรชาย “ท่านอ๋องมีน้ำใจ ไม่เอาความเจ้า ไยไม่รีบไปขอบคุณ!”
ฉินเฟิงไม่เพียงไม่รับน้ำใจเท่านั้นแต่ยังบ่นพึมพำ นี่จบแล้วเหรอ? ข้าอุตส่าห์ทำให้งานเลี้ยงนี่ครึกครื้นขึ้น สร้างความวุ่นวายขนาดนี้ จะจบง่าย ๆ เช่นนี้ไม่ได้!
ฉินเฟิงคุกเข่าลงบนโต๊ะ คำนับขอบคุณพลางพูดเสียงดัง “จี้อ๋องมีเมตตานัก! ถ้าท่านอ๋องเห็นของขวัญที่หลานชายเตรียมไว้ให้ ต้องชอบมากอย่างแน่นอน”
สิ้นเสียงพูด ฉินเทียนหู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาโยนม้านั่งใส่ลูกชายเพียงคนเดียว อารมณ์รุนแรงที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเป็นนักรบแนวชายแดนปรากฏเด่นชัด “ยังกล้าพูดถึงของขวัญบ้า ๆ บอ ๆ อีก! ข้ายังขายหน้าไม่พอหรือ หากกลับจวนแล้วข้าไม่ตีเจ้าให้ขาหัก ก็อย่ามาเรียกข้าว่าฉินเทียนหู่!”
ม้านั่งลอยผ่านหัวของฉินเฟิงไปเฉียดฉิว หากหลบช้าไปเพียงนิด เกรงว่าต้องมาจบชีวีตลงที่นี่แน่
ฉินเฟิงกลัวจนแทบฉี่ราด พ่อของเขาโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
หลี่รุ่ยพึมพำอยู่ในใจ หรือว่าฉินเฟิงมันบ้าจริง ๆ? ไม่อย่างนั้นจะทำเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
ช่างเถิด จะสนใจไปทำไม? อย่างไรเรื่องวันนี้ก็ต้องดังไกลถึงพระกรรณองค์ฮ่องเต้ในไม่ช้า แม้แต่งานวันคล้ายวันพระราชสมภพของท่านอ๋องเฒ่า ฉินเฟิงก็ยังกล้าก่อความวุ่นวาย ตระกูลฉินตอนนี้เหมือนรอรับสั่งลงโทษอย่างเป็นทางการเท่านั้นแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ หลี่รุ่ยก็ตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋องไม่ต้องสนใจคนบ้านั่นหรอกขอรับ หลานชายชื่นชมความใจกว้างของท่านยิ่งนัก ขอท่านอ๋องโปรดรับไข่มุกราตรีที่ส่งมาจากอันหนานเม็ดนี้ด้วยขอรับ”
หลี่รุ่ยโค้งคำนับ บ่าวรับใช้ข้างกายเขาหยิบไข่มุกราตรีขนาดเท่าไข่เป็ดออกมา ทุกคนโดยรอบต่างก็ตื่นตะลึง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ