บทที่ 454 ทัพเดียวลอบโจมตี
หนิงหู่และทหารค่ายเทียนจีสามร้อยนายสงบนิ่ง ในที่ลุ่มห่างจากค่ายไม่ถึงหนึ่งร้อยก้าว พวกเขาทั้งหมดนอนราบอยู่บนพื้น ใช้ความมืดเป็นแนวกำบัง รอโอกาสอย่างเงียบงัน
ค่ายอยู่ใกล้กับแนวหน้ามากเกินไป ประกอบกับการสู้รบระหว่างทหารรักษาการณ์อำเภอเป่ยซีและเฉินซือก็ดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการแทรกซึมของศัตรู ค่ายเป่ยตี๋ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา นอกเหนือจากทหารทำหน้าที่ลาดตระเวนและคุ้มกันอย่างเคร่งครัด ทั้งยังมีผู้บัญชาการมาลาดตระเวนทุกชั่วยาม ป้องกันไม่ให้ศัตรูเล็ดรอดเข้าไปได้
หนิงหู่ไม่พบช่องว่างใด ๆ ทหารม้าก็เคลื่อนตัวเร็วมากนัก หากการต่อสู้ในแนวหน้าสงบลง พวกเขาต้องถูกย้ายกลับมาเสริมแนวป้องกันที่ค่ายทันทีแน่
เมื่อทหารม้ากลับมา การโจมตีค่ายจะยิ่งยากมากขึ้น
โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
หนิงหู่เคลื่อนไหวอย่างสิ้นหวัง สั่งให้ทหารเตรียมพร้อมสำหรับการบุกโจมตี!
ทหารค่ายเทียนจีสามร้อยนายถูกแบ่งออกเป็นสองหน่วย หนิงหู่นำทหารสองร้อยนาย อีกหนึ่งร้อยนายให้พยายามหาทางลอบเข้าไปแนวหลังของค่าย เพื่อโจมตีสองด้านพร้อมกับหนิงหู่
กระทั่งชั่วเวลากินข้าวหนึ่งมื้อผ่านไป หนิงหู่ก็ไม่ลังเลอีก
“ฆ่า!”
หนึ่งคำสั่งส่งไป ทหารยามค่ายเทียนจีสองร้อยนายพุ่งเข้าใส่ค่ายทหารเป่ยตี๋ทันที ห่างจากค่ายไม่ถึงห้าสิบก้าว ทหารลาดตระเวนค้นพบทหารค่ายเทียนจีและกำลังจะไปรายงาน แต่ถูกลูกธนูที่แหวกผ่านอากาศมาก็ปลิดชีพเขาอย่างแม่นยำเสียก่อน
เวลาเดียวกัน ทหารที่อยู่รอบ ๆ เผชิญกับทักษะการยิงธนูที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นของทหารค่ายเทียนจี และพวกเขาก็ต่างรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
ชั่วพริบตา ทหารลาดตระเวนเจ็ดถึงแปดนายถูกยิงเสียชีวิต แต่หนึ่งในนั้นมีโอกาสได้กรีดร้อง และเสียงนั่นก็ดึงดูดความสนใจของทหารคนอื่น ๆ ทำให้เสียงกลองรัวเร็วดังก้องไปทั่วค่าย
ทหารที่กำลังหลับถูกปลุกให้ตื่น ครั้นรีบร้อนออกจากกระโจมมาก็พบว่า ทหารจากค่ายเทียนจีได้บุกทะลวงเข้ามาในค่ายแล้ว
“ศัตรูโจมตี! ศัตรูโจมตี!”
“อย่าตื่นตระหนก รักษากระบวนทัพให้มั่นคง รับการโจมตี!”
แม่ทัพเฝ้าประตูรีบเข้ามาสั่งทหารที่ตกอยู่ในความวุ่นวายให้ตั้งทัพต่อสู้กับศัตรู
ยามนี้ในค่ายมีทหารราบประจำการอยู่สี่พันนาย ส่วนกองทัพต้าเหลียงก็ถูกขัดขวางอยู่ชายแดน ไม่สามารถนำกองทหารจำนวนมากมาถึงแนวหลังได้แน่ คาดว่าคู่ต่อสู้ครานี้จะเป็นเพียงกองกำลังขนาดเล็กเท่านั้น
แม่ทัพเฝ้าประตูเหวี่ยงดาบฟันทหารที่หลบหนี ตะโกนใส่กลุ่มทหารที่มีหน้าตาตื่นตระหนก “ใครหนีสงคราม ตาย!”
ในขณะนี้เอง ทหารนายหนึ่งก็วิ่งออกมาจากทางประตูค่าย กระโดดลงแทบเท้าแม่ทัพเฝ้าประตู คร่ำครวญด้วยความกลัวว่า “ท่านแม่ทัพ การโจมตีของศัตรูรุนแรง พวกเรายากที่จะต้านทาน!”
ทันทีที่พูดจบ แม่ทัพเฝ้าประตูก็ยกดาบขึ้น สังหารทหารที่ลดทอนขวัญกำลังใจของกองทัพเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตะโกนด้วยความโกรธ “ผู้ใดสั่นคลอนขวัญกำลังใจกองทัพ ตาย! …ไสหัวออกไปสู้ให้หมด!”
เหตุผลที่แม่ทัพเฝ้าประตูโกรธเพียงนี้ก็เพราะมีเสบียงจำนวนมากเก็บไว้ในค่าย หากเสบียงเสียหาย กองทัพแนวหน้าจะไม่สามารถทำตามแผนเดิม ที่จะอดทนจนกว่าบุกทะลุแนวป้องกันของต้าเหลียงได้ ถึงเวลานั้นหากไม่มีเวลาปล้นผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของชาวบ้านแคว้นต้าเหลียง แล้วด้านหลังยังไม่มีเสบียงฉุกเฉินอีก การศึกครานี้จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
และแม่ทัพเฝ้าประตูที่ทำหน้าที่ดูแลเสบียงอาหารย่อมถูกสับทั้งเป็น!
ภายใต้แรงกดดันของแม่ทัพเฝ้าประตูและผู้คุมกองทัพ เหล่าทหารที่ตื่นตระหนกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบไปที่ประตูค่าย
เมื่อมองดูแผ่นหลังของเหล่าทหาร แม่ทัพเฝ้าประตูก็รู้สึกกังวลในใจ
แม้กองทัพศัตรูจะเป็นเพียงกองกำลังเล็ก ๆ แต่เหตุใดถึงเข้าใกล้ค่ายได้ขนาดนี้? ทั้งยังเลือกโจมตีในคืนนี้ ยามที่ทหารม้าถูกย้ายไปเช่นนี้อีกเล่า? เว้นแต่… อีกฝ่ายจะดักซุ่มอยู่หลายวันและแอบสอดแนมเงียบ ๆ มานานแล้ว
ทว่าภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้มีหูตาของหน่วยนกฮูกราตรีและหน่วยสอดแนมอยู่เต็มไปหมด อีกฝ่ายจะแฝงตัวอยู่หลายวันโดยไม่เปิดเผยร่องรอยได้อย่างไร

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ