บทที่ 459 เตรียมรับศึกสุดท้าย
การสู้รบดำเนินไปเป็นเวลาสองวันสองคืน กองทหารชายแดนสูญเสียอย่างหนัก อัตราผู้เสียชีวิตสูงกว่าเจ็ดส่วน ขุนพลสิ้นชีพ เหลือรองแม่ทัพเพียงคนเดียว ตอนแม่ทัพแนวหน้าควบคุมทัพก็ถูกลูกธนูหลงยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย
ด้านแม่ทัพทหารม้าสูญเสียทหารไปเกือบสองพันนาย อำเภอเป่ยซีก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ทหารม้าทมิฬที่โจมตีแนวรบด้านตะวันออกสูญเสียทหารไปห้าร้อยนาย ทหารม้าเกราะเบาเกือบทั้งหมดถูกสังหาร ทหารราบพลีชีพสองพันนาย
การรบครั้งนี้ สำหรับกองทหารชายแดนเหนือแล้ว เสียหายหนักหน่วง
ทว่าเป่ยตี๋ในฐานะฝ่ายบุกโจมตีประสบความสูญเสียหนักกว่า อัตราการบาดเจ็บโดยรวมสูงกว่าทหารต้าเหลียงถึงสามเท่า นอกเหนือจากต้องสูญเสียกำลังพลแล้ว ความล้มเหลวเชิงกลยุทธ์ต่างหากที่เป็นการสูญเสียที่ยอมรับไม่ได้อย่างแท้จริง
หลังจากการสู้รบครั้งนี้ กองทัพเป่ยตี๋ได้ถอยห่างจากชายแดนไปสิบลี้ ทหารม้าถูกจัดเรียงไว้ด้านหน้า ให้ทหารราบพักอยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้แคว้นต้าเหลียงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อตอบโต้
ยามนี้บรรยากาศในค่ายแนวหน้าอึดอัดอย่างยิ่ง
แม้การสู้รบจะพ่ายแพ้แต่ก็ไม่มีใครตำหนิเฉินซือ ท้ายที่สุดแล้วการรบครั้งนี้ ในแง่ของยุทธวิธีก็ได้ทำลายความแข็งแกร่งของกองทหารชายแดนแคว้นต้าเหลียง หากแคว้นต้าเหลียงไม่ส่งกำลังเสริมมายังเมืองสำคัญของกองทหารชายแดน กองทหารชายแดนก็คงเหลือแค่ชื่อ แต่ในเชิงกลยุทธ์การที่ เมืองชายแดนสำคัญไม่ได้ถูกยึดก็เป็นความจริงเช่นกัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ ๆ ฉินเฟิงที่อยู่ในเมืองหลวงจะปรากฏตัวทางชายแดนเหนืออย่างกะทันหัน
ตอนนี้ฐานะในต้าเหลียงของฉินเฟิง ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดย่อมต้องมีกองกำลังคุ้มกัน จากเมืองหลวงถึงชายแดนเหนือ อย่างน้อยต้องใช้เวลาเดินทางครึ่งเดือน แต่จากข่าวที่นกฮูกราตรีนำกลับมา ฉินเฟิงตะบึงอาชามาเพียงลำพังเพื่อเร่งเดินทาง เขาใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น ในการเดินทางจากเมืองหลวงมาถึงชายแดนเหนือ
ไหนเลยจะดูเหมือนทูตพิเศษดูแลการสงครามแห่งต้าเหลียง? นี่มันทหารส่งสารชัด ๆ!
แม้ไม่ต้องการจะยอมรับ แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฉินเฟิงก็ทำให้เป่ยตี๋ประหลาดใจอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินซือหายใจเข้าลึก ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มปรากฏความเหนื่อยล้า “เดิมข้าคิดว่าหลี่จางจะไม่กล้าส่งกำลังเสริมมาช่วยกองทหารชายแดน ทั้งยังคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรฉินเฟิงก็ไม่สามารถมาที่ชายแดนเหนือได้ ต่อให้มาสงครามก็คงจะสิ้นสุดนานแล้ว ในกระโจมนี้ไร้คนนอก ข้าขอเอ่ยชมปณิธานผู้อื่น ด้อยค่าบารมีตัวเองสักประโยคเถิด”
“ตั้งแต่กองทัพของเราปะมือกับฉินเฟิง กล่าวได้ว่าพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ความสามารถทางทหารของบุคคลนี้เหนือกว่าข้ามาก ครานั้นส่งนกฮูกราตรีแทรกซึมเข้าไปในดินแดนแคว้นต้าเหลียงก็ล้มเหลวในการฆ่าฉินเฟิง ถือว่าเป่ยตี๋ของเราพ่ายแพ้ ตอนนี้ฉินเฟิงมาถึงชายแดนเหนือแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้เกรงว่าจะยากยิ่งขึ้นไปอีก”
แม้แม่ทัพในกระโจมไม่อยากยอมรับ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าแคว้นต้าเหลียงและเป่ยตี๋เป็นสองแคว้นทรงอำนาจ หากตั้งใจจะบุกผ่านชายแดนเหนือของแคว้นต้าเหลียงพุ่งเป้าไปที่จงหยวน พวกเขาจะต้องใช้กำลังทั้งหมดของเป่ยตี๋
และตอนนี้ ทันทีที่ฉินเฟิงมาถึง กองทัพชายแดนเหนือก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ไม่เพียงแต่ความสามารถทางการทหารของฉินเฟิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบารมีของผู้บัญชาการทหารของเขาด้วย!
ตามข้อมูลที่นกฮูกราตรีได้รับ เป็นเพราะการประสานงานลับของฉินเฟิง ทำให้สามกองทหารชายแดนเหนือผนึกกำลังกันได้
ผู้บัญชาการแนวหน้าขมวดคิ้ว เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อและความพยายามของผู้คนหลายพันหลายหมื่นในเป่ยตี๋ หากพ่ายแพ้ เราต้องรับผิดชอบผลของมันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ถ้ายังมีความหวังริบหรี่ก็ไม่อาจยอมแพ้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาวเป่ยตี๋ด้วย”
“เฉินซือ เจ้าเป็นทูตพิเศษดูแลการสงคราม แค่พูดให้ชัดเจนว่าสงครามนี้จะสู้ต่อไปหรือไม่ก็พอ”
เฉินซือได้คิดอย่างรอบคอบแล้ว ทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดในตอนนี้คือการถอยทัพ เปลี่ยนจากรุกเป็นป้องกัน เหลือกองทหารบางส่วนอยู่ในแนวหน้า ต่อต้านกองทหารของแคว้นต้าเหลียงที่อาจรุกรานเข้ามา คุมเชิงกับศัตรู
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตราบใดที่สงครามยังไม่สงบลง เป่ยตี๋จะไม่ถือว่าพ่ายแพ้ สามารถเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของแคว้นต้าเหลียงได้
และด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถพักฟื้นกำลังได้ รอให้กำลังของเป่ยตี๋กลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือสันติภาพก็จะยังมีพื้นที่ให้ได้พิจารณา
กระนั้นการเคลื่อนไหวนี้จะต้องพบกับการต่อต้านอย่างดุเดือดจากทุกชนชั้นของแคว้นอย่างแน่นอน
ผู้ที่เสนอแผนนี้ต้องแบกรับคำประณามว่าเป็น ‘คนบาปชั่วนิรันดร์’
ท้ายที่สุดแล้ว เป่ยตี๋มีกองทัพที่แข็งแกร่ง แคว้นรอบข้างไม่มีใครที่ไม่ยอมจำนนตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไหนเลยจะต้องทนทุกข์กับความขี้ขลาดเช่นนี้?



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ