บทที่ 460 ครอบครัวพร้อมหน้า
ในจวนด้านหลังของศาลาว่าการอำเภอเป่ยซี ฉินเฟิงถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน จนแทบไม่สามารถรับมือได้
ฉินเฟิงมาถึงเป่ยซีได้สามวันแล้ว แต่เขาไม่เคยปรากฏตัวบนศาลาว่าการ อาหารการกินและที่พักอยู่ในกำแพงรอบนอก คราแรกหลิ่วหงเหยียนไม่พอใจเล็กน้อย กำแพงรอบนอกห่างจากศาลาว่าการเพียงแค่ชั่วหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ควรหาเวลากลับมาเยี่ยมเยือนกันก่อน
แต่ฉินเฟิงตัวดีดันเป็นคนไม่มีจิตสำนึก
ทว่าเมื่อเป่ยตี๋ถูกขับไล่ออกไป แคว้นต้าเหลียงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ความขุ่นเคืองในใจของหลิ่วหงเหยียนก็หายไปในทันที ใบหน้าของนางฉายชัดไปด้วยความภาคภูมิใจ
ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ก็เป็นคนที่นางเลี้ยงมาเองกับมือ
“เฟิงเอ๋อร์ สมแล้วที่เป็นบุตรชายตระกูลฉินของเรา หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ตระกูลฉินของเราจะโด่งดังไปทั่วใต้หล้าเป็นแน่ ครานั้นท่านพ่อสร้างผลงานอยู่แนวหน้า ครั้งนี้เจ้าได้สืบทอด คิดว่าท่านพ่อก็คงจะมีความสุขมาก”
แม้คำพูดทั้งหมดจะน่าฟัง แต่ฉินเฟิงมีความสุขไม่ออกสักนิด
บุตรชายสืบทอดตำแหน่งของบิดา? ลืมไปได้เลย!
เขาไม่อยากเสียเวลาชีวิตแสนสั้นไปบนหลังอาชา ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าสงครามชายแดนเหนือไม่คืบ เขาคงไม่เร่งเดินทางมาหลายพันลี้ ทนทุกข์ทรมานกับความลำบากนี้
เป้าหมายของเขาคือ มั่นคงสืบไปนานเท่านาน มีสุราเนื้อเหลือกิน ใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อบนความมั่งคั่ง นี่คือสิ่งที่หัวใจของชายหนุ่มโหยหา
แน่นอน เขาไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา มิฉะนั้นคงถูกหลิ่วหงเหยียนบีบคอตายเป็นแน่
หลี่เซียวหลานซึ่งมักอยู่ข้างเดียวกับหลิ่วหงเหยียน ในตอนแรกไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด แต่เมื่อเห็นหลิ่วหงเหยียนยกย่องฉินเฟิงต่อหน้าผู้คน นางก็เอ่ยเสริมขึ้นมา
“มีเฟิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ตระกูลฉินไยต้องกังวลว่าจะไม่เจริญรุ่งเรือง”
เสิ่นชิงฉือกับจิ่งเชียนอิ่งมองหน้ากัน แล้วต่างก็ตอบรับอย่างเห็นด้วย
พี่หญิงทั้งสี่คนลูบศีรษะของฉินเฟิงเป็นครั้งคราว บางครั้งก็ตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ ท่ามกลางบรรดาพี่หญิง ฉินเฟิงรู้สึกปั่นป่วน ลมวสันต์พริ้วไหวในใจ
ถ้าฮูหยินฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ฉินเฟิงคงจะพุ่งเข้าตะครุบเหล่าพี่หญิงเหมือนที่เคยทำเมื่อตอนยังเป็นเด็กแล้ว
ตั้งแต่ออกจากเป่ยซีครั้งก่อน ฉินเฟิงไม่ได้พบฮูหยินฉินอีกเลย ตอนนี้เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฉินเฟิงก็โค้งคำนับอย่างตั้งใจ
“ลูกคารวะท่านแม่”
ฮูหยินฉินยิ้มพลางพยักหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโล่งใจและความรัก ยิ่งนางมองลูกชายคนนี้มากเท่าไรก็ยิ่งชมชอบมากขึ้นเท่านั้น
ดังสุภาษิตที่ว่า ไม่มีใครรู้จักลูกดีกว่าแม่ แม้แม่ลูกคู่นี้จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อย แต่ฮูหยินฉินก็รู้จักนิสัยใจคอของฉินเฟิงเป็นอย่างดี หลังจากการทักทายง่าย ๆ เพียงไม่กี่คำฮูหยินฉินก็ทิ้งฉินเฟิงให้ใช้เวลากับพี่หญิงทั้งสี่
ทันทีที่ฮูหยินฉินจากไป ฉินเฟิงก็เหมือนสุนัขบ้าที่หลุดออกจากพันธนาการ ชายหนุ่มเริ่มออดอ้อนออเซาะ
เดี๋ยวก็กอดหลิ่วหงเหยียน แล้วพร่ำพรรณนาถึงความคิดถึง แต่ในใจเต็มไปด้วยความคิดอกุศล
เดี๋ยวก็หันไปเอ่ยหยอกล้อจิ่งเชียนอิ่ง เอ่ยคำพูดเอาใจใส่ ปกปิดความไร้ยางอายที่อยู่เบื้องหลัง
จนจิ่งเชียนอิ่งก็ยังกอดฉินเฟิงไปหนึ่งยก
ส่วนหลี่เสี่ยวหลาน ฉินเฟิงไม่กล้ายั่วยุนาง พี่หญิงสามคนนี้น่ากลัวเกินไป!
เมื่อเห็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของฉินเฟิง หลี่เซียวหลานก็ลูบหัวของเขาเป็นครั้งแรก และเอ่ยกระซิบเสียงเบา “ในที่สุดเฟิงเอ๋อร์ก็เติบโตเป็นบุรุษแล้ว”
ฉินเฟิงรู้สึกมีความสุข
หลิ่วหงเหยียนกล่าวเสริม “แทนที่จะบอกว่าเป็นบุรุษ ไม่สู้กล่าวว่าเป็นวีรบุรุษจะเหมาะกว่า”
หลี่เซียวหลานพยักหน้า “แม้เฟิงเอ๋อร์จะเป็นวีรบุรุษ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้จักเด็กคนนี้ เอ่ยชมเข้าหน่อยก็เหลิงไปกับคำชม เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหยิ่งผยองเกินไป อย่าชมมากนักจะดีที่สุด”
พี่หญิงอีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วย
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียนดังมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ