บทที่ 461 ความเจริญรุ่งเรืองของเป่ยซี
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเซียงเซียงแยกจากฉินเฟิงเป็นเวลานาน ในใจนางรู้สึกวูบโหวงนัก
วันนี้ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง นางย่อมอยากจะอยู่กับฉินเฟิงต่ออีกหลายวัน
ครั้นเสี่ยวเซียงเซียงถามสิ่งที่อยู่ในใจออกมา นางก็รู้สึกเสียใจ
ท้ายที่สุดแล้ว นายน้อยคือคนที่ต้องบรรลุงานยิ่งใหญ่ นางในฐานะคนรับใช้จะกลายเป็นคนที่รั้งเขาไว้ได้อย่างไร?
ฉินเฟิงไม่ได้คิดมาก เขาโพล่งออกมาว่า “คงจะอยู่อีกสักพักใหญ่”
ฉินเฟิงจะได้ออกจากอำเภอเป่ยซีเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับว่าสงครามแคว้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และจากการคาดเดาของเขา แม้เป่ยตี๋จะประสบกับความสูญเสียอย่างหนักในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ไม่มีทางหยุดสงครามแน่ การจะกลับมาบุกโจมตีเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
แม้ต้าเหลียงกับเป่ยตี๋จะมีความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมกัน แต่ในแง่ของสภาพแวดล้อมภายใน ต้าเหลียงกลับด้อยกว่าเป่ยตี๋อยู่มาก
นอกจากรับมือกับสงคราม ต้าเหลียงยังต้องตรวจสอบและปรับสมดุลกองกำลังต่าง ๆ ภายในแคว้น ส่งผลให้กำลังทหารจำนวนมากไม่สามารถระดมพลได้
กองกำลังทางใต้ ฟังแต่คำสั่งเจ้านายตัวเองไม่ฟังคำสั่งฮ่องเต้ ไม่สามารถระดมพลได้
กองกำลังของฮ่องเต้ในจงหยวนต้องอยู่ป้องกันเหตุฉุกเฉิน หากถูกโยกย้ายมาทางเหนือ แล้วกองกำลังทางใต้ถือโอกาสเคลื่อนไปทางเหนือ เช่นนั้นก็แย่แน่แล้ว
ดังนั้นกำลังทรัพย์ของเป่ยตี๋ไม่อาจทนต่อการล้างผลาญ กำลังคนของต้าเหลียงก็ไม่อาจฝืนต่อไปได้ แต่ละฝ่ายต่างมีความยากลำบากภายใน
ความสุขจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชายแดนเหนือไม่มีทางคงอยู่ได้นาน สงครามที่เหลือจะยังคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
เสี่ยวเซียงเซียงไหนเลยจะรู้มากเพียงนั้น? นางรู้แค่ว่านางสามารถอยู่กับนายน้อยได้อีกนาน แค่นี้ก็พอที่จะทำให้นางมีความสุขแล้ว
หลังจากฉินเฟิงและเสี่ยวเซียงเซียงพูดคุยอย่างสบายอารมณ์ได้ไม่นาน หลี่จางก็เข้ามาบอกให้ฉินเฟิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง
แม้ฉินเฟิงจะไม่ชอบเสียงดังโหวกเหวก ไม่ค่อยชื่นชอบงานเลี้ยงฉลองเช่นนี้ แต่เขาก็ควรจะไป ท้ายที่สุดงานเลี้ยงฉลองก็เอื้อต่อการเสริมขวัญกำลังใจของเหล่าทหาร
ทว่าในตอนเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลอง ฉินเฟิงก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอำเภอเป่ยซี
แม้ผู้ส่งสารขององครักษ์เสื้อแพรจะแจ้งให้ฉินเฟิงทราบเกี่ยวกับการพัฒนาของอำเภอเป่ยซีเป็นระยะ ๆ แต่สิ่งที่สามารถเขียนในจดหมายได้มีจำกัดเกินไป ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็ใช้โอกาสนี้ในการสำรวจเสียเลย
เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉินเฟิงก็พาหลี่จางไปยังศาลาว่าการเพื่อตามหาหลินฉวีฉีทันที
ก่อนหน้านี้ที่กำแพงเมือง เนื่องจากสถานการณ์สงครามกะทันหัน เขาจึงไม่มีเวลาทักทายหลินฉวีฉี
ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า นายน้อยที่หล่อเหลาสง่างามดูเหมือนจะแก่ลงเป็นสิบปี ราศีมีไม่เท่าแต่ก่อน
การบริหารความเป็นอยู่ของผู้คนต้องใช้พลังชีวิตมาก
เมื่อเห็นฉินเฟิงมาแล้ว หลินฉวีฉีก็รีบทักทายเขาด้วยสีหน้าตื่นเต้น “พี่ฉิน แค่เจ้ามาก็ประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วแล้ว”
“การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่นานก็จะแพร่กระจายไปทั่วต้าเหลียง คนทั้งแคว้นจะต้องยินดีเป็นแน่ ข้านึกย้อนกลับไป นับแต่ก่อตั้งต้าเหลียง เราได้ต่อสู้กับเป่ยตี๋มานับครั้งไม่ถ้วน แต่แพ้มากกว่าชนะ เผชิญกับความสูญเสียหลายครา”
“บัดนี้ เจ้าทำให้เราชาวต้าเหลียงรู้สึกถึงความภาคภูมิใจ นับเป็นวีรบุรุษแห่งยุคอย่างแท้จริง”
ฉินเฟิงรู้สึกเขินอายอยู่บ้างกับคำชมที่ไหลมาไม่หยุดปากของหลินฉวีฉี

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ