เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 462

บทที่ 462 ร่ำรวยเหมือนหมูที่มันเยิ้ม

คลังของศาลาว่าการอำเภอใช้เพื่อการดำรงชีวิตของผู้คนในอำเภอเป่ยซีเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้เป็นการส่วนตัวได้

เงินหนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันตำลึงไม่นับว่ามาก แต่ทั่วทั้งอำเภอเป่ยซีก็มีประชากรเพียงสามหมื่นห้าพันคน เมื่อแบ่งเงินเฉลี่ยก็จะตกคนละสามถึงสี่ตำลึง ในช่วงที่ต้าเหลียงเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีของแต่ละครัวเรือนอยู่ที่หนึ่งถึงสองตำลึงเท่านั้น

หากเงินทั้งหมดสามารถนำมาใช้ได้ มาตรฐานการครองชีพของผู้คนในอำเภอเป่ยซีก็จะเทียบเคียงได้กับผู้คนในเมืองหลวง

หลินฉวีฉีภูมิใจมากกับเงินในคลังของศาลาว่าการอำเภอ

ท้ายที่สุดแล้วเงินทุกตำลึงก็ได้มาอย่างใสสะอาด

ทว่าฉินเฟิงกลับไม่พอใจต่อจำนวนเงินในคลังศาลาว่าการเป็นอย่างยิ่ง “แค่นี้เองหรือ? จะไปพอทำกระไรได้”

“พวกบุตรหลานผู้ดีในเมืองหลวงควักเงินทีละหลายแสนตำลึงเงิน เป่ยซีของเรามีทหารและพลเรือนประมาณสามหมื่นถึงสี่หมื่นคน เงินเล็กน้อยนี้จะไปพอได้อย่างไร ข้าคิดว่าโอนย้ายจากคลังค่ายเทียนจีมาอีกสักหลายแสนหน่อย ปัดเศษให้พอดี ๆ เป็นห้าแสนตำลึงกำลังสวย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินฉวีฉีแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

ฉินเฟิงตอนสู้รบมีความสามารถเหลือล้น แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเงินกลับเลอะเลือนได้ง่ายเพียงนี้

ไม่ผิด ฉินเฟิงร่ำรวย แต่เขาก็ไม่อาจใช้จ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้กระมัง

หลินฉวีฉีโบกมือไปมา “ไม่ต้องใช้มากขนาดนั้นก็ได้ เราจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ก็หลังสงครามแคว้นสิ้นสุด ถึงอย่างไรตอนนี้ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย และการขนส่งของชาวบ้าน ก็ล้วนมีค่ายเทียนจีจัดหา รอถึงตอนชาวบ้านจำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง จึงจะเริ่มใช้เงินของศาลาว่าการอำเภอ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ฉินเฟิงแอบถอนหายใจ เขาไม่เหมาะจะเป็นนายอำเภอจริง ๆ

ตามนิสัยของฉินเฟิง เมื่อเจอปัญหาก็คิดแต่จะใช้เงินแก้เป็นอันดับแรก แต่หากทำเช่นนั้น ในระยะยาว ผู้คนทั่วใต้หล้าคงเห็นว่า คนในอำเภอเป่ยซีได้เงินเปล่า แล้วผู้คนก็จะรีบบึ่งมาที่นี่โดยเร็ว ครั้นเกิดมีคนอพยพมาอีกระลอก เขาเองก็คงไม่อาจแบกรับได้ไหว

นอกจากคลังของศาลาว่าการอำเภอแล้ว หลินฉวีฉียังคำนวณเงินในคลังของค่ายเทียนจีมาด้วย

“ตอนนี้ ค่ายเทียนจีมีเงินทั้งหมดสามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นหกพันตำลึงเงิน เศษที่เหลือข้าขอไม่นับก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินจำนวนเงินในคลังค่ายเทียนจี ฉินเฟิงยังไม่ทันได้ตอบสนอง หลี่จางที่อยู่ด้านข้างก็ทนไม่ไหว

“เท่าไหร่นะ?!”

“นายอำเภอหลิน ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่? สามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นตำลึงเงิน?… เหตุใดค่ายเทียนจีจึงมีเงินมากมายขนาดนี้ได้ ข้ารู้อยู่ว่าลูกกวาดและอุตสาหกรรมอื่น ๆ สร้างรายได้มหาศาล แต่อำเภอเป่ยซีก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก หลังผลาญเงินให้การรบกับเป่ยตี๋ไปเป็นเกวียน ๆ ไยค่ายเทียนจียังมีเงินอยู่อีกมากขนาดนี้เล่า?!”

ก่อนหน้านี้หลี่จางกังวลใจมาตลอด เขาเกรงว่าวันหนึ่งอำเภอเป่ยซีจะขาดแคลนเสบียง

ยังไม่ต้องกล่าวว่ากำลังของอำเภอเป่ยซีต้องต่อสู้กับกองทัพเป่ยตี๋เพียงลำพัง ด้วยในเมืองก็ยังมีคนจำนวนมากที่ต้องเลี้ยงดู รวมถึงฉินเฟิงก็กำลังเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอยู่เมืองหลวง สถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ เรื่องค่าใช้จ่ายล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

จุดสำคัญที่สุดคือตอนฉินเฟิงสร้างกองทัพ เขาลงเงินลงแรงไปมากมาย มูลค่าของทหารม้าทมิฬสามพันคนอย่างเดียวก็เพียงพอจะเลี้ยงกองทัพขนาดห้าหมื่นถึงหกหมื่นคนได้แล้ว

ทว่าค่ายเทียนจีที่น่าจะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ กลับยังคงร่ำรวยเหมือนหมูที่มีมันเยิ้ม นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

อย่าว่าแต่สีหน้าตกตะลึงของหลี่จางเลย แม้แต่ฉินเฟิงก็ยังตกใจ เพียงแต่ตกใจในจุดที่ต่างกัน “อะไรนะ?! แค่สามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นหกพันตำลึงเงินรึ?”

ทันทีที่คำว่า ‘แค่’ ถูกพูดออกมา หลี่จางก็อยากจะพุ่งไปบีบคอฉินเฟิงให้ตายเสียให้ได้

ฉินเฟิงโตมาในครอบครัวแบบไหนกัน เงินตั้งสามล้านตำลึงเงินก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาหรือ?

บทที่ 462 ร่ำรวยเหมือนหมูที่มันเยิ้ม 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ