บทที่ 478 นับพันนับหมื่นปี
เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ชาวบ้านในที่เกิดเหตุก็ไม่รู้ว่าควรชื่นชมหรือยำเกรง
พวกเฉินปิ่งเทียนและหมออีกสองคนถูกลากออกจากประตูเมือง โดนลงโทษประหารชีวิต
ทว่าเรื่องนี้ยังไม่นับว่าจบ
ฉินเฟิงมองไปยังลูกศิษย์ในโรงพยาบาล แม้คนเหล่านี้จะแค่ทำตามสถานการณ์ ไม่นับว่าเป็นคนชั่วช้า แต่หากปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ วันหน้าก็คงกลายเป็นเฉินปิ่งเทียนสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉินเฟิง บรรดาลูกศิษย์ทุกคนก็ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น เนื้อตัวสั่นเทา ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะร้องขอความเมตตา
ฉินเฟิงคร้านเกินกว่าจะเสียเวลากับพวกเขา จึงโบกมือไล่ “ขับไล่คนพวกนี้ออกจากอำเภอเป่ยซี!”
ช่วงขณะที่เกิดการกวาดล้างโรงพยาบาลเป่ยซี ฉินเฟิงก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับชาวบ้านรอบ ๆ แล้วประกาศเสียงดัง “ในอำเภอเป่ยซีแห่งนี้ เสบียงอาหาร ทหาร ยาสมุนไพร และกฎหมาย ทั้งสี่ล้วนเป็นรากฐานที่ควรยึดมั่น หากมันผู้ใดกล้าแตะต้องผลประโยชน์ของอำเภอเป่ยซี นายน้อยอย่างข้าจะไม่ละเว้น!”
สี่อย่างที่ฉินเฟิงกล่าวถึง ไม่เพียงแต่เป็นผลประโยชน์หลักของอำเภอเป่ยซีเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานของชาวบ้านด้วย
แน่นอน ชาวบ้านต่างรับรู้ว่าฉินเฟิงกำลังทำเพื่อประโยชน์ของพวกเขา จึงพากันคุกเข่าลงแล้วตะโกนอย่างพร้อมเพรียง
“ใต้เท้าเชียนฮู่ มีชีวิตอยู่นับพันนับหมื่นปี!”
นับพันนับหมื่นปี…
ฉินเฟิงไม่ชอบคำนี้เอาเสียเลย หากวันหนึ่งฮ่องเต้ต้าเหลียงทรงได้สดับเรื่องนี้เข้า พระองค์จะต้องหาเรื่องทำให้ฉินเฟิงลำบากอีกครั้งเป็นแน่
เพียงแต่ชาวบ้านเป็นคนเรียบง่าย ไม่ได้มากเล่ห์ พวกเขาคงไม่สามารถคิดคำพูดที่เหมาะสมเพื่อแสดงความขอบคุณในใจได้นอกจากคำนี้จริง ๆ นายน้อยหนุ่มจึงลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง
เดิมที่คิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ซุนเฮ่อกลับก้าวมาข้างหน้าแล้วโค้งคำนับ
“ข้านับถือทักษะทางการแพทย์ของฉินเชียนฮู่จากใจจริง เมื่อวานข้าทะเลาะกับฉินเชียนฮู่จนหน้าดำหน้าแดง ข้าช่างเป็นคนที่มีตาหามีแววไม่”
ฉินเฟิงช่วยพยุงซุนเฮ่อให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกหมอเถื่อนอย่างพวกเฉินปิ่งเทียน แม้ซุนเฮ่อจะมีบุคลิกดื้อรั้น แต่ก็มีจิตวิญญาณของแพทย์อย่างแท้จริง เขาสมควรได้รับความเคารพ
ซุนเฮ่อไม่สนใจการห้ามปรามของฉินเฟิง เขาเริ่มคำนับอีกครั้ง
“ฉินเชียนฮู่เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ทำให้ข้าได้เปิดมุมมอง แต่ไม่ว่าข้าจะคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ บาดแผลจากลูกธนูที่รักษายากเช่นนี้ เหตุใดพอนายน้อยฉินลงมือรักษากลับง่ายดายเพียงนั้นเล่า?”
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ซุนเฮ่อที่คิดไม่ตก แต่แม่ทัพใหญ่กองทหารชายแดนเองก็สับสนเช่นกัน
ดังคำกล่าวที่ว่า เจ็บป่วยบ่อยจนกลายเป็นหมอ แม่ทัพใหญ่กองทหารชายแดนเห็นทหารจำนวนมากเสียชีวิตด้วยบาดแผลจากลูกธนูมานักต่อนัก ส่วนมากพวกเขาไม่ได้ตายในสนามรบ ทว่ากลับมาตายในค่ายแนวหลัง ยามนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่ละคนเหมือนหมาป่าที่ดิ้นรนต่อสู้ เป็นเช่นนั้นอยู่หลายวัน สุดท้ายก็สิ้มลมอย่างโกรธแค้น
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้า
ตอนนี้ฉินเฟิงสามารถรักษาบาดแผลจากลูกธนูได้จริง หากวิธีการรักษาได้รับการเผยแพร่ อัตราการบาดเจ็บล้มตายของทหารต้าเหลียงย่อมลดลงอย่างมาก นับเป็นคุณต่อต้าเหลียงอย่างมหาศาล
ฉินเฟิงไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้น เขาอธิบายให้ฟังตามตรง “การรักษาบาดแผลจากธนูมีสองวิธี วิธีแรกคือ การรักษาบาดแผลเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ กล่าวคือ เป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคหรือพิษที่มองไม่เห็น วิธีที่สองคือ ลดการอักเสบ ตราบใดที่ทำสองข้อนี้ให้ดีที่สุดก็สามารถลดความร้ายแรงของอาการบาดเจ็บจากลูกธนูได้มาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเฮ่อก็จ้องมองฉินเฟิงด้วยแววตาว่างเปล่า “ง่ายแค่นี้เองหรือ?”
ฉินเฟิงยักไหล่ เอ่ยตอบอย่างสบาย ๆ “ก็ง่ายแบบนี้แหละ”
ยามนี้ความตื่นตะลึงในใจของซุนเฮ่อเกินคำบรรยาย ก่อนหน้านี้เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่กลับช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
อีกทั้งจากคำพูดของฉินเฟิง ผู้ที่หายจากการบาดเจ็บล้วนไม่ได้หายเพราะได้รับการรักษาจากเขา แต่อาศัยร่างกายแข็งแกร่งกำยำของตนเองฝืนอดทนจนรอดมาได้ ต่อให้ไม่ได้รับการรักษาก็สามารถฟื้นตัวได้ตามปกติ
สุดท้ายแล้วทักษะทางการแพทย์ที่เขาภาคภูมิใจกลับใช้ผิดจุด
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ