บทที่ 481 มาอย่างดุดัน
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป กองกำลังสำคัญของอำเภอเป่ยซีก็มาถึง เมื่อรู้ว่ากองทัพเป่ยตี๋กำลังจะยกทัพโจมตี สีหน้าของทุกคนจึงค่อนข้างเคร่งขรึม
ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันขับไล่กองทัพเป่ยตี๋ก็จริง แต่พวกเขาก็ได้รู้ซึ้ง
ถึงความแข็งแกร่งของเป่ยตี๋เช่นกัน
ในใจทุกคนรู้ดีว่าหากต้องการเอาชนะเป่ยตี๋อีกครั้งจำเป็นต้องต่อสู้ฟันฝ่าอย่างหนัก และการสู้สุดชีวิตย่อมนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าว่าแต่ทหารธรรมดาเลย แม้แต่คนที่อยู่ในห้องนี้ก็อาจจะต้องสละชีพในสนามรบเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วการปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนหาใช่คำพูดปากเปล่า ทุกคนต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการหลั่งเลือดสละชีพ
หลังจากหลี่จางเห็นความสามารถทางการทหารของฉินเฟิงด้วยตาตนเอง เขาก็เก็บความสามารถทั้งหมดที่เคยภาคภูมิใจไว้ก่อน แล้วเอ่ยปากขอคำแนะนำอย่างถ่อมตัว “พี่ฉิน ข้าได้ยินสวีโม่บอกว่าเจ้าส่งข่าวถึงกองทหารชายแดนให้ปกป้องเมืองแล้ว ตามปกติเมื่อเป่ยตี๋ถูกโจมตีอย่างหนัก พวกเขาควรระมัดระวังมากขึ้น อีกฝ่ายจะยังโจมตีเมืองต่อไปหรือ?”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง แม้เขาจะดูผ่อนคลาย แต่แววตาแน่วแน่เป็นอย่างมาก
“เป่ยตี๋มีกองกำลังที่แข็งแกร่งและมีจำนวนพลทหารมากกว่า แม้จะเสียหายไปมากกว่าครึ่งก็ยังถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อชายแดนเหนือของต้าเหลียง ยิ่งไปกว่านั้น ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด เป่ยตี๋แค่ล้มเหลวในการโจมตีเมือง ทว่าอัตราการสูญเสียยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้”
“หากต้องการบดขยี้เป่ยตี๋ด้วยกำลังทหารก็ไม่ต่างจากความฝัน วิธีเดียวที่จะถ่วงเวลาจนกว่าเสบียงอาหารของเป่ยตี๋จะหมดคือกัดกร่อนกำลังพวกมันจนตาย นั่นถึงจะนับว่าเป็นกลยุทธ์ชั้นยอด”
“ทว่าเป่ยตี๋เองก็เข้าใจในจุดนี้ดีเช่นกัน ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาจะใช้กำลังทั้งหมดบุกโจมตีอย่างดุเดือดยิ่งกว่าที่เคยแน่”
“ไม่เพียงแต่จะโจมตีกองทหารชายแดนเท่านั้น แต่ยังจะโจมตีแม่ทัพทหารม้า แม่ทัพรถม้าศึก ไม่เว้นแม้แต่อำเภอเป่ยซีเรา แน่นอนว่าสิ่งที่เราต้องเผชิญต่อไปไม่ใช่การปะทะกันในแต่ละพื้นที่ แต่เป็นสงครามเต็มแนวรบ!”
เมื่อรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะชี้ชะตากรรมของต้าเหลียงและเป่ยตี๋ บรรยากาศในศาลาว่าการอำเภอก็ยิ่งกดดัน
เนื่องจากต้าเหลียงยังคงเสียเปรียบเรื่องกำลังทหาร แนวคิดในการต่อสู้ที่เป็นไปได้จริงมากที่สุดก็คือ การป้องกันและโต้กลับ ขั้นแรกให้ยึดเมืองที่มั่นไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งกองทหารหลักทั้งหมดจะไม่เสียหาย จากนั้นก็คอยสกัดกั้นการโจมตีของกองทัพเป่ยตี๋เป็นระยะ
ยิ่งเป่ยตี๋บังคับให้ต้าเหลียงต่อสู้ในสนามมากเท่าไหร่ ต้าเหลียงก็ยิ่งไม่อาจตกหลุมพราง
ยามนี้ที่ฉินเฟิง หลี่จาง คนอื่น ๆ กำลังเตรียมการอย่างรัดกุมก่อนสงครามเริ่ม กองทัพเป่ยตี๋ก็ได้เคลื่อนพลไปทางใต้แล้ว เมืองชายแดนสำคัญเป็นกลุ่มแรกที่ถูกเปิดการโจมตีอย่างรุนแรง
แต่การต่อสู้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น การโจมตีเป็นไปอย่างรวดเร็วและกระชับ ด้วยส่วนใหญ่เป็นการลองเชิง
หลังถูกกองทัพชายแดนโต้กลับอย่างกล้าหาญ กองทัพเป่ยตี๋ก็ถอนตัวออกไปทันที ไม่ได้ฝืนใช้กำลังโจมตีต่อ เพียงทิ้งทหารราบหนึ่งหมื่นคนกับทหารม้าสามพันคนไว้ล้อมเมืองชายแดน ส่วนกองทัพที่เหลือก็เดินทัพเข้าสู่เขตชายแดนเหนืออย่างไม่หยุดยั้ง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเฉินซือชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง จุดประสงค์หลักของเขาไม่ใช่การทำลายเมืองชายแดนของต้าเหลียงอีก แต่เป็นการปล้นเสบียงจากแนวหลังของชายแดนเหนือโดยไม่สนว่าจะต้องแลกด้วยอะไร
ช่วงขณะที่กองทัพใหญ่ยังบุกรุกเข้าไป กองทหารก็แยกกำลังออกมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งหน้าปิดล้อมกองทหารฝ่ายต่าง ๆ ของต้าเหลียงอย่างดุดัน เป็นไปตามที่เฉินซือคาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพทหารม้าหรือว่าอำเภอเป่ยซี พวกเขาต่างก็หดหัวอยู่ในเมือง ไม่กล้าออกมารับศึก
เพียงใช้เวลาไม่ถึงสองวัน กองทัพเป่ยตี๋ก็รุกผ่านกลางเขตแดน ตอนนี้เขตที่นาทางตอนเหนืออยู่แค่เอื้อมมือเท่านั้น
แล้วก็เป็นตามคาด แม่ทัพรถม้าศึกที่ดูแลเขตที่นากระโดดเข้าสู่สมรภูมิรบทันที เขาขัดขวางการรุกคืบของเฉินซืออย่างไม่หยุดยั้ง ตอนแรกเฉินซือเข้าใจว่า เพื่อรักษาอำนาจและหลีกเลี่ยงการสูญเสียสิทธิ์ในการออกความคิดเห็นที่ชายแดนเหนือหลังสงคราม อย่างไรแม่ทัพรถม้าศึกก็จะไม่ทุ่มสุดกำลัง หลังจากลองพยายามแล้ว อีกประเดี๋ยวก็จะล่าถอยไปเอง
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นเหมือนดังเฉินซือคาดเดาเอาไว้
แม่ทัพรถม้าศึกเหมือนจะบ้าไปแล้ว การโจมตีของเขารุนแรงอย่างมาก ถึงขั้นเรียกได้ว่า เขาไม่สนใจผลที่ตามมาแม้แต่น้อย ในเวลาเพียงสองวัน กองทัพของเฉินซือก็ประสบความสูญเสียด้านกำลังทหารไปมากกว่าหนึ่งหมื่นนาย ส่วนกองกำลังของแม่ทัพรถม้าศึกยิ่งประสบกับความสูญเสียที่เลวร้ายกว่า เขาสูญเสียกำลังพลทั้งหมดไปกว่าสองหมื่นนายทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เผชิญกับความพ่ายแพ้ในการรบ แม่ทัพรถม้าศึกก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะล่าถอย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ