บทที่ 482 ตั๊กแตนจับจักจั่น
ขณะที่แม่ทัพรถม้าศึกกำลังหงุดหงิดงุ่นง่านใจว่าไม่ควรเชื่อฉินเฟิง ทันใดนั้นก็มีทหารส่งสารวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายังศาลาว่าการอำเภอหย่งโซ่ว ไม่ทันได้คำนับ ทหารส่งสารก็ตะโกนรายงานเสียงดัง
“ท่านแม่ทัพ กำลังเสริมห้าพันคนของเป่ยตี๋ถอนกำลังแล้วขอรับ ไม่เพียงแต่กำลังเสริม แม้แต่ทหารม้าแนวหน้าก็ถอนกำลังไปยังด่านซานเตี๋ยกันหมด”
แววตาที่เกือบจะมีแต่ความสิ้นหวังของแม่ทัพรถม้าศึก พลันมีประกายความหวังอีกครั้ง
“เกิดกระไรขึ้น? พูดมาเร็วเข้า!”
ทหารส่งสารรีบรายงาน เสียงของเขาติดสะอึกสะอื้น ร้องไห้ด้วยความดีใจ “ฉินเชียนฮู่กับแม่ทัพทหารม้าส่งกองกำลังมาพร้อมกัน ตอนนี้กำลังโจมตีขนาบกองทัพของเฉินซือขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ทัพรถม้าศึกก็ยินดียิ่งนัก เขาผุดลุกแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้น “เร็วเข้า! เร่งไปแจ้งข่าวดีแก่แม่ทัพที่บัญชาการแนวหน้าโดยเร็ว เพิ่มขวัญกำลังใจของกองทัพ ครั้นทหารของเราฟื้นกำลังแล้ว ให้โจมตีโต้กลับทันที!”
เพียงแค่หนึ่งชั่วยามต่อมา สถานการณ์ของด่านซานเตี๋ยกับอำเภอหย่งโซ่วก็พลิกผัน
ยามนี้ด้านเป่ยตี๋ ทหารส่งสารวิ่งเข้าออกกระโจมของแม่ทัพอย่างต่อเนื่อง
“ท่านแม่ทัพ กองทัพเป่ยซีกำลังโจมตีอย่างดุเดือด ทหารม้าทมิฬพุ่งเข้ากระบวนทัพ ทหารราบตามติด ทั้งยังมีทหารม้าเกราะเบาคอยก่อกวน แนวหน้าปีกซ้ายที่ปิดล้อมอำเภอเป่ยซีจำต้องถอยกลับมาอย่างต่อเนื่อง”
“ส่วนแนวหน้าปีกขวา ตอนนี้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ด้วยกำลังอยู่ในศึกนองเลือดกับแม่ทัพทหารม้าของต้าเหลียง แม้จะยังยืนหยัดได้ แต่รองแม่ทัพแนวหน้าขอความช่วยเหลือด่วนจากค่ายใหญ่ให้ส่งทหารม้าห้าพันคนไปเสริมกำลังโดยเร็วขอรับ”
“ท่านแม่ทัพ แม่ทัพรถม้าศึกของแคว้นต้าเหลียงเริ่มโจมตีกลับแล้วขอรับ”
หลังได้ยินข่าวร้ายหลายต่อหลายครั้ง แม่ทัพในกระโจมทุกคนพลันมีสีหน้ามืดมน ดวงตาเคร่งขรึมขึ้น
ผู้บัญชาการแนวหน้าขมวดคิ้ว ครั้นหันมองเฉินซือก็เห็นว่าสีหน้าเฉินซือยังเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
เฉินซือกดด้ามกระบี่ด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ เขาพูดอย่างผ่อนคลาย “การโจมตีเมืองชายแดนล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า กองทัพของเราจำเป็นต้องเสี่ยงเจาะลึกเข้าไปในแนวรบต้าเหลียง ตอนนี้กองทัพเราถูกปิดล้อมจากสามด้านล้วนเป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว ฉินเฟิงผู้นั้นบัญชาการกองทัพราวกับเทพเจ้า เขาย่อมไม่ละทิ้งโอกาสอันดีนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซือ ผู้บัญชาการแนวหน้าก็โล่งใจขึ้น กระนั้นฝ่ามือก็ยังชื้นเหงื่อ
ตอนนี้กองทัพถูกศัตรูล้อมทั้งสามด้าน สงครามพลิกผันไม่อาจคาดเดา เขาย่อมไม่กล้าละเลย
ผู้บัญชาการแนวหน้าถามขึ้นทันที “เฉินซือ ต่อไปจะจัดการอย่างไร?”
“แม้กองทัพต้าเหลียงจะไม่แข็งแกร่งเท่ากองทัพเป่ยตี๋เรา แต่กองทัพทั้งสามของชายแดนเหนือและอำเภอเป่ยซียังคงมีทหารนับแสนประจำการ เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีทั้งสามด้าน หากเราจัดการไม่ทันเวลา ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจจินตนาการได้”
ตอนนี้ในใจของเหล่าแม่ทัพล้วนกังวล พวกเขามุ่งความสนใจไปยังเฉินซือ
เฉินซือค่อย ๆ คลายมือออกจากด้ามกระบี่ สีหน้ายังคงเรียบนิ่ง เขาวางแผนควบคุมสถานการณ์ในปัจจุบันไว้แล้ว
“กลยุทธ์ของฉินเฟิงก็แค่ ‘การกัดกร่อนกำลัง’ ชะลอการรุกของกองทัพเรา จึงได้ก่อกวนและสกัดกั้นอย่างต่อเนื่อง คอยอาศัยความได้เปรียบด้านพื้นที่รวมถึงเมืองที่อยู่ด้านหลัง ยามรุกก็โจมตี ยามถอยก็ป้องกัน แม้กองทัพเราจะทุ่มสุดกำลังบุกชายแดนเหนือ ครั้นเผชิญหน้ากับแนวรบที่แคว้นต้าเหลียงเตรียมการอย่างรอบคอบก็ยากจะได้เข้าใกล้ที่นา”
“ต่อให้ไปถึงที่นาก็ต้องเผชิญกับการโจมตีจากทุกสารทิศ ยากจะปล้นเสบียงได้ หากปล้นเสบียงมาได้ แต่เมื่อเผชิญกับการล้อมโจมตีก็ยากจะขนส่งเสบียงกลับ เมื่อเป็นเช่นนี้ การถูกกัดกร่อนกำลังจนตายจึงเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ