เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 483

บทที่ 483 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1]

ความคิดเชิงกลยุทธ์ของเฉินซือไม่เคยเบี่ยงเบนไปจากหลักการดั้งเดิม เขาแค่ลับสมอง ระดมความคิดเพื่อต่อสู้ในสนามรบกับกองหลังทางเหนือ ยิ่งเฉินซือคิดแบบนี้มากเท่าไร ฉินเฟิงก็ยิ่งไม่ตามน้ำมากขึ้นเท่านั้น

นับตั้งแต่ค่ายเทียนจีตั้งรกรากอยู่ในอำเภอเป่ยซี ก็ทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาสิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้คำแนะนำของฉินเฟิงและการรังสรรรค์อย่างปราณีตของหลู่หมิง กองทหารกรรมกรของค่ายเทียนจีค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมา

และคราวนี้ก็เป็นการทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับกองทหารกรรมกร

เฉินซือใช้เขตที่นาเป็นเหยื่อล่อฝ่ายป้องกันให้เข้าโจมตีด้านหน้า

ฉินเฟิงย่อมใช้แผนซ้อนแผนเป็นธรรมดา เขาใช้กองทัพแนวหน้าเป็นเหยื่อล่อดึงดูดความสนใจของเฉินซือ จากนั้นส่งกองทหารกรรมกรไปเสริมแนวป้องกันของอำเภอหย่งโซ่วอย่างเร่งด่วน

กว่าเฉินซือจะรู้สึกตัว แนวป้องกันของอำเภอหย่งโซ่วก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว!

ถึงตอนนั้นหากเฉินซือส่งกองทัพไปโจมตีจากด้านหน้า ฉินเฟิงก็จะเตะก้นของเขาจากด้านหลัง

การปะทะกันซึ่ง ๆ หน้าหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด ชีวิตนี้จะฝืนเกินกำลังมิได้

ขอแค่ยึดมั่นและไม่สิ้นเปลือง ศึกนี้ชนะได้!

เมื่อเข้าสู่ยามวิกาล ประตูศาลาว่าการอำเภอหย่งโซ่วเปิดกว้าง แม่ทัพรถม้าศึกออกมาต้อนรับทักทายด้วยตนเอง ครั้นมองดูขบวนอันยิ่งใหญ่ที่มาจากระยะไกล ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความร้อนแรงและตื่นเต้น

รองแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน “ท่านแม่ทัพ เจ้าฉินเฟิงนั่นทำตามคำสัญญาจริง ๆ เขาเริ่มส่งกำลังเสริมมาสมทบกองทัพของเราแล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ทัพรถม้าศึกก็จ้องรองแม่ทัพแล้วตวาด “ห้ามหยาบคายต่อฉินเชียนฮู่!”

รองแม่ทัพสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ในเวลาปกติแม่ทัพรถม้าศึกก็ดุด่าฉินเฟิงเสีย ๆ หาย ๆ มากกว่าใคร ‘มารดามันเถอะ’ ‘ไอ้ชาติสุนัข’ คำเหล่านี้ยังถือว่าไม่ได้รุนแรงนักด้วยซ้ำ

ด้วยแม่ทัพรถม้าศึกเคยตกเป็นตัวประกันต้องไปอยู่อำเภอเป่ยซี ถูกฉินเฟิงกักบริเวณ สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง

ทว่าตอนนี้ดวงตาของแม่ทัพรถม้าศึกเต็มไปด้วยความซับซ้อน ไหนเลยจะมีความแค้นในอดีตแฝงอยู่อีก?

ทุกคนไม่รู้ว่าจนตอนนี้แม่ทัพรถม้าศึกก็ยังคงสาปแช่งนายน้อยเจ้าสำราญอยู่ในใจ

‘ช่างชั่วร้ายจริง ๆ คนอื่นยิ่งสู้ยิ่งอ่อนกำลัง ไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนกำลังได้ แต่เจ้าเด็กฉินเฟิงนั้นตรงกันข้าม อำเภอเป่ยซีมีแต่ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง อำเภอเละเทะเสื่อมโทรมในตอนนั้น ภายใต้การบริหารจัดการของฉินเฟิงกลับกลายเป็นแนวหน้าที่แท้จริงของชายแดนเหนือ แม้แต่เมืองระดับมณฑลก็เทียบไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังกลัวเขา!’

แม่ทัพรถม้าศึกถอนหายใจยาว ในใจอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ ‘อำเภอเป่ยซีและกองทัพชายแดนเป็นสองเมืองที่สำคัญที่สุดในชายแดนเหนือ เมื่อเกิดสงครามย่อมเป็นฝ่ายแรกที่แบกรับความรุนแรง ปกติแล้วควรจะยุ่งจนปลีกตัวมาไม่ได้ ปรากฏว่าแม้แนวหน้ารบจนสมองสุนัขกลายเป็นสมองหมู แต่อำเภอเป่ยซีก็ยังสามารถส่งเสบียงและกำลังเสริมมาได้ตามใจชอบ!’

เปรียบเทียบกันแล้วน่าโมโหนัก!

เมื่อเห็นความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังในสายตาของแม่ทัพรถม้าศึก รองแม่ทัพก็หลุดหัวเราะคิกคัก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็พูดขึ้นมา

“ท่านแม่ทัพยังไม่รู้ ยิ่งสงครามที่ชายแดนเหนือรุนแรง ผู้คนยิ่งไปรวมตัวกันที่อำเภอเป่ยซี และอำเภอเป่ยซีก็ไม่เคยปฏิเสธผู้คนที่มาขอลี้ภัย”

“ยิ่งมีคนมากเท่าไรก็ยิ่งมีกองกำลังมากขึ้นเท่านั้น ได้ยินมาว่าจำนวนประชากรทั้งหมดของอำเภอเป่ยซีทะลุห้าหมื่นคน ไต่พุ่งขึ้นไปที่หกหมื่นคนแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานก็ต้องขยายเมืองอีกครั้ง ท่านแม่ทัพรอดูไปเถิด หากเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้คงได้ปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นแน่”

แม่ทัพรถม้าศึกส่งเสียงในลำคอ “ฮ่องเต้ไม่ได้ภาคภูมิใจความสามารถในการถ่วงดุลอำนาจและถนัดเรื่องการวางแผนมากที่สุดหรอกหรือ ไยจึงได้บ่มเพาะศัตรูตัวฉกาจด้วยพระองค์เองเล่า? ฮะฮ่าฮ่า ฮ่องเต้หนอฮ่องเต้ ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนย่อมมีการมองคนผิดไปบ้าง”

“อำเภอเป่ยซีแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเราแล้วไม่เพียงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ยังเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีราชโองการใด แค่ผลักไปให้อำเภอเป่ยซีก็พอ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของรองแม่ทัพก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะโง่แค่ไหนก็เข้าใจได้ว่าแม่ทัพมีความคิดที่จะอาศัยอำนาจของอำเภอเป่ยซีแล้ว

บทที่ 483 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1] 1

บทที่ 483 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1] 2

บทที่ 483 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1] 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ