บทที่ 485 ติดอยู่ในดินแดนศัตรู
ตอนแรกแม้แต่หนิงหู่ก็รู้สึกว่านี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของทหารค่ายเทียนจีแน่ อย่างไรเสียภูเขาหยางฉางก็ถูกกองทหารศัตรูนับพันล้อม
แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น หนิงหู่ค้นพบว่าทหารที่กำลังค้นหาและปราบปรามบนภูเขาหยางฉางไม่ใช่กองกำลังแนวหน้าชั้นยอด พูดให้ถูกก็คือพวกเขาไม่ใช่กองกำลังหลักด้วยซ้ำ
ทหารหน่วยค้นหาปราบปรามหลายสิบคนก่อตัวเป็นขบวนทัพ แต่ก็ถูกทหารค่ายเทียนจีสามถึงห้าคนทลายขบวนทัพแตกพ่าย
ยิ่งไปกว่านั้น… อาวุธของคู่ต่อสู้ส่วนใหญ่เป็นดาบสั้นและโล่หนังมากกว่าอาวุธยาว เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้นั้นเป็นกองกำลังระดับรองที่ระดมพลมาชั่วคราว
นี่แสดงว่าสถานการณ์สงครามในแนวหน้าคงจะตึงเครียดมาก จึงไม่สามารถระดมกองทัพที่มีกำลังเหมาะสมมาจัดการพวกเขาได้
ในใจหนิงหู่พลันยินดี นำทหารค่ายเทียนจีที่เหลือจัดตั้งขบวนทัพ ฝ่าวงล้อมมุ่งหน้าลงจากภูเขาทันที
หน่วยค้นหาปราบปรามมาสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแต่กลับไร้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ นี่เป็นเพียงการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ เมื่อทหารที่เข้ามาเสริมกำลังพุ่งโจมตีไปข้างหน้าก็ได้รับความเสียหายมากกว่าครึ่งในการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว
ทหารค่ายเทียนจี เปลี่ยนจากการต่อสู้เหมือนสัตว์ร้ายที่ติดในวงล้อมเป็นการฆ่าฝ่าวงล้อมออกไป โดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งไว้ได้
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หนิงหู่ได้นำทหารของค่ายเทียนจีมาถึงตีนเขา มีทหารค้นหาปราบปรามหลายสิบคนติดตามพวกเขามาตลอดทาง ทว่าเมื่อเห็นประสิทธิภาพการต่อสู้ที่โดดเด่นของทหารค่ายเทียนจี พวกเขาก็ทำได้แค่มองจากระยะไกล ไม่กล้าก้าวออกไปต่อสู้
แม้แต่หนิงหู่เองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เมื่อเผชิญกับการล้อมปราบปรามโดยกองกำลังนับพัน พวกตนจะสามารถหลบหนีออกมาได้จริง ๆ
หนิงหู่นำทหารรักษาการณ์ค่ายเทียนจีที่เหลืออีกสองร้อยยี่สิบคน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มุ่งหน้าไปทางเหนือ
“พี่น้อง พวกเรากลับบ้านกัน!” หนิงหู่ตะโกนอย่างตื่นเต้น
หัวหน้าหน่วยสองแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง “หนิงเชียนฮู่ กลับบ้านงั้นรึ? ท่านไม่อยากต่อสู้แล้วรือ?”
ยามนี้สภาพหนิงหู่ดูไม่จืด แต่อารมณ์ของเขาผ่อนคลายมาก “กองทัพศัตรูไม่สามารถระดมกองทัพที่มีกำลังพอมาล้อมเราได้ แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ในแนวหน้ากำลังตึงเครียดเพียงใด ภารกิจของเราเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มียุ้งฉางหรือคลังอาวุธให้เราเผาทำลาย อยู่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์”
แม้ทหารค่ายเทียนจีจะล้วนเป็นยอดฝีมือที่ไม่กลัวตาย แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าภารกิจสิ้นสุดลงแล้วและสามารถกลับบ้านได้ ทหารทุกคนก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ
“ดียิ่งนัก! ในที่สุดข้าก็ได้กลับบ้านแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพวกบ้าเป่ยตี๋ พวกข้าจะไปแล้ว ไม่ต้องมาส่ง!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเสบียงที่จำกัดของเรา ต่อให้ต้องอยู่ฆ่าศัตรูอีกหลายเดือนข้าก็ไม่คิดจะเลิกรา ถือว่าพวกเป่ยตี๋โชคดีไป แต่จะว่าไปแล้ว ถ้านายน้อยฉินเห็นเราถอนตัวกลับไปที่อำเภอเป่ยซีได้ เขาจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่”
“ไม่ ทหารค่ายเทียนจีสามร้อยคนของเรา มีพี่น้องแปดสิบคนถูกทิ้งอยู่ที่เป่ยตี๋ นายน้อยฉินจะต้องรู้สึกทุกข์ใจมากต่างหาก”
ขณะที่ทหารกำลังช่วยพยุงกันเดินหน้าไปยังทิศทางของต้าเหลียง จู่ ๆ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
หนิงหู่โบกมือ ทุกคนหยุดฝีเท้าทันที พวกเขาจับหอกขึ้นมาพลางมองดูเงาร่างสีดำที่เข้ามาใกล้ด้วยความระมัดระวัง
หนิงหู่ยกหอกเล็งเงาร่างสีดำ เตรียมจะสังหาร ด้วยอย่างไรเสียที่นี่ก็คืออาณาเขตของเป่ยตี๋ ไม่มีทางเป็นกำลังเสริมแน่นอน
ทว่าตอนที่หนิงหู่กำลังจะแทงหอกออกไป สำเนียงภาษาต้าเหลียงก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
“ข้างหน้าใช่ทหารค่ายเทียนจีหรือไม่!”
หนิงหู่ชะลอการเคลื่อนไหว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “นั่นใคร?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ