เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 486

บทที่ 486 ดึงแม่ทัพรถม้าศึกเป็นพวก

อีกทั้งยังมีกระโจมทหารอย่างง่ายมากกว่าสิบกระโจมตั้งอยู่ระหว่างแนวกั้นม้าและคูน้ำ

แม่ทัพรถม้าศึกหรี่ตาลง หันไปมองรองแม่ทัพอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่… ถูกสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืนจริง ๆ หรือ? หรือว่าฉินเฟิงส่งทหารกรรมกรหลายหมื่นนายมากลางดึกอีก?”

เขาไม่มีทางเชื่อว่าการใหญ่เช่นนี้จะสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน โดยใช้ทหารกรรมกรเพียงสามพันนาย!

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันกว่าทหารชาวบ้านที่ติดตามกองทัพจะสามารถทำงานออกมาได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังอาจจะไม่ดีเท่าทหารกรรมกรค่ายเทียนจีด้วยซ้ำ สิ่งนี้ขัดแย้งกับความรู้ดั้งเดิมหรืออาจขัดกับความรู้ทั่วไปเลยด้วยซ้ำ!

แม้ว่ารองแม่ทัพจะไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ได้เห็น แต่เมื่อคืนนี้เขาออกมาตรวจสอบเป็นครั้งคราวจึงรู้ว่า ความเร็วในการก่อสร้างของทหารกรรมกรค่ายเทียนจีรวดเร็วมากจริง ๆ เรียกได้ว่าเร็วเหมือนเสกออกมาเลยก็ว่าได้

“ท่านแม่ทัพ วิธีการก่อสร้างของทหารกรรมกรค่ายเทียนจีแตกต่างจากทหารชาวบ้านทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ทหารสามพันนายถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ผลัดกะทำงาน แต่ละกลุ่มทำงานเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หลังทำงานครบหนึ่งชั่วยาม อีกกลุ่มก็จะมาสับเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีจุดตั้งหม้อโจ๊กอยู่ด้านหลัง สามารถกินตอนไหนก็ได้ ทหารสามพันนายล้วนจึงรักษาสภาพร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมบูรณ์ได้เสมอ”

“ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือที่พวกเขาใช้ยังมีความปราณีตอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นพลั่วและจอบที่ดูธรรมดาที่สุด แต่วัสดุเหล็กที่ใช้กลับเหมือนกับที่ใช้ทำอาวุธ หรูหราสิ้นเปลืองอย่างมาก”

“ข้าน้อยยังสังเกตได้อีกว่า คนพวกนี้ตอนที่ทำงาน ไม่เพียงแต่ไม่บ่นว่าเหนื่อยหน่าย แต่ลงแรงทำงานอย่างตั้งใจ ทุกคนทำงานอย่างหนัก ไม่รู้ว่าฉินเฟิงใช้ยาเสน่ห์อะไรกับพวกเขา แต่ละคนถึงทำงานถวายชีวิตแบบนี้!”

ในตอนที่ทั้งสองคนสับสนอยู่นั้น ก็มีเสียงเบา ๆ ดังมาจากด้านหลัง

“หากอยากให้ชาวบ้านช่วยออกแรง เราก็ต้องปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะมนุษย์ก่อน”

แม่ทัพรถม้าศึกหันขวับ พบว่าหลี่เสี่ยวหลานปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้

สิ่งที่นางกล่าวก่อนหน้านี้ทำให้แม่ทัพงุนงง “คุณหนูสามหมายความว่าอย่างไร? แม้ทหารชาวบ้านจะเกณฑ์มา แต่อย่างไรพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นราษฎรของต้าเหลียง ย่อมเป็นมนุษย์โดยธรรมชาติ ไม่ได้แตกต่างจากพวกเราอยู่แล้ว”

หลี่เซียวหลานประสานมือไว้ด้านหลัง ทอดสายตามองดูทหารกรรมกรที่ทำงานหนักอยู่ด้านล่าง แล้วพูดอย่างจริงจัง “การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่คำพูดว่างเปล่า ในสายตาของแม่ทัพ คนเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มชาวบ้านชายที่เข้มแข็ง แต่ในสายตาของฉินเฟิงพวกเขาเป็นทรัพย์สินมีค่าที่สุด ท่านแม่ทัพรู้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้ได้รับค่าตอบแทนเท่าไร?”

แม่ทัพรถม้าศึกก้มศีรษะลงอย่างครุ่นคิด

ภายใต้สถานการณ์ปกติเงินเดือนของทหารชาวบ้านคือห้าสิบอีแปะ เท่ากับหกร้อยอีแปะต่อปี ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็มาจากการเกณฑ์แรงงาน ทั้งยังไม่ได้ทำงานทุกวัน เงินเดือนจึงไม่สูงมากนัก

แต่ในเมื่อทหารกรรมกรค่ายเทียนจีเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากฉินเฟิง คิดว่าเงินเดือนย่อมขาดไปไม่ได้

แม่ทัพรถม้าศึกกัดฟันรวบรวมความกล้า พูดออกไปว่า “หนึ่งตำลึงห้าร้อยอีแปะ?”

หลี่เซียวหลานยิ้มจาง ๆ “หนึ่งร้อยอีแปะ หนึ่งร้อยอีแปะต่อวัน”

เมื่อได้ยินจำนวนเงินค่าจ้างที่ฉินเฟิงจ่ายให้ทหารกรรมกร ปากของแม่ทัพรถม้าศึกก็อ้าค้าง เปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ

“อะไรนะ หนึ่งร้อยอีแปะต่อวัน! หนึ่งเดือนก็เท่ากับสามตำลึงเงิน หนึ่งปีก็เท่ากับสามสิบหกตำลึงเงิน! คุณหนูหลี่ เจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึ? หรือว่าฉินเฟิงร่ำรวยมากจนสมองเลอะเลือนหมดแล้ว ไยจึงให้ค่าจ้างสูงขนาดนี้ แม้แต่ทหารราบที่เก่งที่สุดก็ยังไม่ได้เงินตอบแทนมากเท่านี้เลย!”

รองแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างหน้าซีดด้วยความตื่นตกใจเช่นกัน

วันละร้อยอีแปะหรือ? ล้อเล่นอันใด!

แต่จะว่าไปแล้ว ฉินเฟิงก็ร่ำรวยมากจริง ๆ การผลาญเงินแบบนี้ หากเป็นแม่ทัพคนอื่น ๆ คงไม่กล้าแม้แต่จะคิด

หลี่เซียวหลานยิ้มแล้วพูดเบา ๆ “แน่นอนว่าไม่ได้ให้ค่าจ้างทุกวัน ทำงานหนึ่งวันถึงจะได้รับค่าจ้างหนึ่งร้อยอีแปะ ถ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านจะได้รับค่าจ้างเพียงสามอีแปะต่อวัน เป็นค่าครองชีพพื้นฐาน”

ค่าครองชีพขั้นพื้นฐาน…

แม่ทัพรถม้าศึกอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น คนเทียบคนต้องตาย ของเทียบของต้องโยนทิ้ง*[1] โดยแท้

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ