บทที่ 488 แฝงตัวแทรกซึม
หลิ่วหงเหยียนเป็นห่วงฉินเฟิงจากก้นบึ้งของหัวใจ ท้ายที่สุดแล้วนางก็เฝ้าดูฉินเฟิงเติบโตขึ้นมาตลอด
เมื่อรู้ว่าฉินเฟิงกำลังจะเข้าไปในดินแดนของศัตรู หัวใจของหลิ่วหงเหยียนก็แทบจะกระเด็นออกมานอกอกแล้ว
แต่คำพูดของท่านแม่ทำให้นางมีสติ ฉินเฟิงอยู่ชายแดนเหนือ ทำเรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินมามากมาย เขาย่อมรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆ ในฐานะคนในครอบครัว พวกนางควรสนับสนุนทุกเมื่อทุกเวลา ไม่ใช่กลายเป็นอุปสรรคขวางทาง
หลังคิดเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน หลิ่วหงเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเดินตรงไปช่วยชายหนุ่มผูกเสื้อคลุม แล้วกระซิบเสียงเบา “ไปถึงที่นั่นแล้วก็ระวังตัวด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าหุนหันพลันแล่น คิดถึงพ่อแม่พี่น้องของเจ้าให้มาก ๆ”
ฉินเฟิงรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล
ชีวิตเขาได้มีครอบครัวเช่นนี้ ตายไปก็ไม่เสียใจแล้ว
ครั้นฉินเฟิงมองไปที่จิ่งเชียนอิ่งก็พบว่าสีหน้าของนางซับซ้อนอย่างมาก “ข้าควรจะไปกับเจ้า แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงไม่สะดวก หากเจ้าเป็นอะไรไป ไม่ว่าใครเป็นคนทำเจ้า มันจะต้องชดใช้ด้วยเลือด”
แค่มีคำพูดนี้ก็เพียงพอแล้ว!
เมื่อเปรียบเทียบกับความชอบธรรมของฮูหยินฉินและบรรดาพี่หญิง เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเซียงเซียงไม่ยินดี นางก้มศีรษะลง มือกำกระโปรงแน่น ไม่พูดไม่จา
ฉินเฟิงเดินเข้าไปลูบหัวของเสี่ยวเซียงเซียงอย่างไม่ลังเล “เด็กโง่ ไม่ต้องกังวล คนที่สามารถฆ่าข้าได้ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยกระมัง”
เสี่ยวเซียงเซียงพองแก้ม หายใจเข้าลึก ราวกับว่านางได้ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น
“นายน้อย บ่าวยังกังวลอยู่ดี แต่… จะอดทนไว้ ท่านไปเถิด ไม่ต้องบอกลาบ่าวแล้ว บ่าวกลัวว่าจะตัดใจไม่ได้…”
แม่นางน้อยคนนี้ จะน่ารักน่าชังไปถึงไหนกัน!
ถ้าไม่มีคนอยู่เยอะ ฉินเฟิงก็คงคว้านางมากอดไว้ในอ้อมแขน
ในที่สุดฉินเฟิงก็เหลือบมองชูเฟิง ทันทีที่เขาเห็นก็อดไม่ได้ที่จะรังแกนางเสียหน่อย “ชูเฟิง”
“เอ๋? นายน้อย” ชูเฟิงราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
เมื่อเห็นชูเฟิงตื่นตระหนกแต่แสร้งทำเป็นสงบ ฉินเฟิงก็รู้สึกขบขัน
“ตอนข้าไม่อยู่เจ้าต้องปกป้องเสี่ยวเซียงเซียงให้ดี นางเป็นสตรีอ่อนแอบอบบางตั้งแต่เกิด ยามถูกคนรังแกก็รู้แค่การกล้ำกลืนฝืนทน ไม่มีความกล้าแม้แต่จะมาฟ้องด้วยซ้ำ ส่วนเจ้าไม่เหมือนกัน บางครั้งแม้แต่นายน้อยอย่างข้าก็ยังต้องเกรงใจเจ้าสามส่วน”
ใบหน้าของชูเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดง รีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว “ไม่…ไม่ใช่นะเจ้าคะ บ่าวไม่ใช่คนยโสโอหังขนาดนั้นเสียหน่อย”
เมื่อพูดหยอกล้อกันพอแล้ว บรรยากาศการแยกจากก็ไม่ได้เศร้าเหมือนตอนแรกอีกต่อไป ฉินเฟิงไม่ลังเลอีก พลิกตัวขึ้นหลังม้า พยักหน้าให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แล้วเขาก็จ้องมองไปที่หลี่จาง
“ซื่อจื่อ ตอนข้าไม่อยู่ อำเภอเป่ยซีต้องขอฝากให้ท่านดูแลแล้ว”
“หลังจากการต่อสู้ติดต่อกัน คิดว่าท่านคงได้สั่งสมประสบการณ์มาไม่น้อย หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จงสั่งการอย่างกล้าหาญ อย่าได้กลัวเพียงเพราะเคยพ่ายแพ้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่จางกำหมัดแน่น รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างถึงที่สุด
ก่อนหน้านี้หลี่จางพ่ายแพ้ทุกครั้งยามต่อสู้กับเฉินซือ แต่ฉินเฟิงก็ยังยินดีมอบอำเภอเป่ยซีทั้งหมดให้อยู่ในความดูแลของเขา นี่เป็นความไว้วางใจมากแค่ไหนกัน?
ระหว่างลูกผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดมากมาย!
หลี่จางจ้องมองฉินเฟิง พูดเสียงดังฟังชัด “พี่ฉินไม่ต้องกังวล ถ้าเฉินซือต้องการบุกทะลุแนวป้องกันก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
ฉินเฟิงพยักหน้า พลันกระทุ้งท้องม้า พุ่งทะยานออกจากประตูเมือง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ