บทที่ 498 ปล้นเสบียง
หากเป็นยามปกติ ฉินเฟิงคงจะลำพองใจจนเอามือเท้าเอวคุยโวยกใหญ่ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้น ศัตรูอาจจะบุกมาเมื่อใดก็ได้ เขาต้องแข่งกับเวลา ไม่เช่นนั้นจุดจบของฉินเฟิงและทหารทุกนายคงจะไม่ต่างไปจากก้อนหินยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าก้อนนี้แน่นอน
ฉินเฟิงไม่กล้าลังเล เขาเริ่มเตรียมการเพื่อดัดแปลงค่ายอย่างรวดเร็ว
ขั้นแรกเลือกทหารมาสามสิบนายใช้หลักการระเบิดหมุดกำจัดก้อนหินที่เอื้ออำนวยต่อการปีนป่ายขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือของยอดเขา นี่ไม่เพียงแต่ทำลายเส้นทางการโจมตีของศัตรูแต่ยังตัดเส้นทางหลบหนีของตัวเองด้วย
หนีคงไม่อาจหนีได้พ้น ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจหลบหนีทำได้แค่สู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น!
หลังจากนั้น ฉินเฟิงก็นับทหารมาเพิ่มอีกห้าสิบนายให้ไปที่ไหล่เขาเพื่อตัดต้นไม้แล้วขนท่อนไม้ไปที่โล่งบนยอดเขาเพื่อสร้างที่กำบังชั่วคราว หลังจากสร้างที่กำบังแล้ว ทหารทั้งห้าสิบนายเหล่านี้จะมีส่วนร่วมในโครงการขุดเจาะภูเขา ไม่เพียงแต่จะต้อง ‘ตัดให้เรียบ’ ทั้งทางทิศตะวันออก ทิศตะวันตกและทิศเหนือเท่านั้น แต่ทิศใต้ที่หันหน้าไปทางศัตรูก็ต้องได้รับการดัดแปลงเช่นกัน
แนวคิดเชิงกลยุทธ์หลักนั้นง่ายมาก กล่าวคือ ทำให้ศัตรูมีโอกาสโจมตีแต่กระบวนการจะต้องยากลำบาก
ในมือฉินเฟิงยังมีกำลังคนเหลืออยู่หนึ่งร้อยยี่สิบคน
พวกเขานับคนมาอีกเจ็ดสิบคนเพื่อทำการสร้างป้อมปราการและกับดักง่าย ๆ บนไหล่เขาเพื่อทำการโจมตีและทำให้ศัตรูเปลืองแรงและกำลังมากที่สุด จากนั้นก็ถอยกลับไปบนยอดเขา
ส่วนอีกห้าสิบคนที่เหลือทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับหนิงหู่
จากข้อมูลที่ได้รับจากองครักษ์เสื้อแพร ทางเหนือของภูเขาชิงอวี้สี่สิบลี้คืออำเภอผิงชางของเป่ยตี๋ อำเภอนี้มีขนาดเล็ก มีชาวบ้านมากกว่าสี่พันคน ทหารรักษาการณ์ประจำอำเภอมีสามร้อยนาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มือปราบและทหารส่วนตัวรวมเป็นสี่ร้อยคน
เนื่องจากต้องต่อสู้ในสงครามที่ยืดเยื้อ เสบียงจึงมีความสำคัญสูงสุด
ก่อนการล่าถอยเมื่อวานนี้ เสบียงที่เหลือทั้งหมดถูกฝังอยู่ในภูเขาชิงอวี้และได้รับการเก็บรักษาไว้ค่อนข้างดี แต่ว่ามีปริมาณน้อยเกินไป สามารถอยู่ได้เพียงห้าวันเท่านั้น หลังจากห้าวันนี้พวกเขาก็จะอดอยากหิวโซ
หากไม่สามารถรับรองเรื่องเสบียงอาหารขั้นต่ำได้ แล้วยังจะต้องไปสู้อะไรอีก? ศัตรูไม่จำเป็นต้องโจมตีด้วยซ้ำ ตราบใดที่ปิดล้อมภูเขาชิงอวี้ไว้ พวกเขาก็สามารถทำให้ฉินเฟิงและคนอื่น ๆ หิวตายได้
การโจมตีอำเภอผิงชางและปล้นเสบียงเป็นโอกาสเดียวของฉินเฟิงที่จะมีชีวิตรอด
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้กองทหารของศัตรูคงจะรวมตัวกันเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในภูเขาเพื่อค้นหาและปราบปรามแล้ว คาดว่ากองทหารรักษาการณ์ของอำเภอผิงชางก็จะถูกระดมพลไปเช่นกัน ในความเป็นจริงทหารรักษาการณ์คงมีไม่ถึงสี่ร้อยนาย นอกจากนี้นี่ยังเป็นการโจมตีอย่างกะทันหัน ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินเฟิงจะกล้าลงจากภูเขาเพื่อปล้นเสบียง
เมื่อเป็นเช่นนี้ การบุกเข้าเมืองก็หาใช่เรื่องยาก
แน่นอนว่าฉินเฟิงยังเตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาย้ำกับหนิงหู่ซ้ำแล้วซ้ำอีก “หากเกิดการสูญเสียหนักให้ยกเลิกการโจมตี ถอนตัวกลับมาโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้จำไว้ว่าต้องรีบสู้รีบจบ ที่นี่คืออาณาเขตของเป่ยตี๋ พื้นที่โดยรอบมีกองทัพรวมตัวกันอยู่ เมื่อข่าวการโจมตีในอำเภอผิงชางออกมา ด้วยความเร็วของทหารพรานเป่ยตี๋ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถมาเสริมกำลังได้แล้ว”
หนิงหู่พยักหน้าอย่างหนักแน่น ตบหน้าอกตนเองแล้วกล่าวคำมั่นว่า “ก็แค่อำเภอเล็ก ๆ มิใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าจะนำเสบียงกลับมาภายในสองชั่วยาม!”
ฉินเฟิงตบไหล่หนิงหู่ มั่นใจในตัวอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม
หนิงหู่นำทหารห้าสิบนายห้ออาชาไปยังอำเภอผิงชาง
ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้วแต่ฉินเฟิงก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เขานำองครักษ์เสื้อแพรที่เหลือไล่ต้อนม้าศึกทั้งหมดที่ตีนเขาขึ้นไปบนภูเขา ขณะที่เดินผ่านไหล่เขา ภูมิประเทศที่สูงชันทำให้ม้าศึกขึ้นไปอย่างยากลำบาก
จากนั้นก็ไล่ต้อนให้ไปถึงพื้นราบที่เพิ่งขุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แม้จะเรียกว่าพื้นราบ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นช่องว่างในกำแพงหิน หลังจากที่ม้าศึกตกลงไป ทั้งร่างจะติดกับกำแพงหิน ไม่สามารถขยับได้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ