บทที่ 499 ปล้นเสบียงด้วยความเร็วระดับเทพ
ในขณะเดียวกัน กองกำลังอีกหน่วยกำลังซุ่มซ่อนอยู่นอกค่ายทหารรักษาการณ์ หลังจากรวมตัวกับหนิงหู่จึงแอบบุกเข้าไปในค่ายทันที
แม้จะพูดว่าเป็นค่าย แต่จริง ๆ แล้วเป็นลานขนาดใหญ่ที่มีรั้วสูงเพียงหนึ่งจั้ง เมื่อเทียบกับศาลาว่าการอำเภอแล้ว ระดับการป้องกันถือว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลังจากบุกเข้าไปในค่าย หนิงหู่และทหารคนอื่น ๆ ก็กวาดล้างสังหารทหารรักษาการณ์ที่เข้าเวรดึก จากนั้นจึงเข้าไปในค่ายทหารอย่างเงียบเชียบ เขาไปหยุดอยู่หน้าเตียงพลางส่งสายตาให้ทหารคนอื่น ๆ พวกเขาตวัดดาบพร้อมกันสังหารทหารรักษาการณ์ที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราว
จากนั้นพวกเขาก็ทำแบบเดิมซ้ำ ๆ สังหารหมู่ทหารในที่พักของค่ายทหารอย่างเงียบ ๆ
ภายในชั่วพริบตา ทหารรักษาการณ์ส่วนใหญ่ก็ถูกสังหารหมดแล้ว
ตอนที่หนิงหู่กำลังจะออกไปฆ่าทหารรักษาการณ์อำเภอผิงชางทั้งหมด ทหารรักษาการณ์ที่ตื่นกลางดึกก็เห็นเข้าโดยบังเอิญ พวกเขาจึงพากันส่งเสียงร้องตะโกนลั่น
เมื่อแผนการถูกเปิดเผย หนิงหู่ก็ไม่ลังเล ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ทันทีที่สิ้นประโยค ทหารทุกนายก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องพักทหารที่เหลือ กวาดต้อนสังหารทหารรักษาการณ์ที่อยู่ในสภาพงุนงงหรือเพิ่งตื่นขึ้นเพราะเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก พวกเขายังไม่ทันมีเวลาหยิบอาวุธด้วยซ้ำ
ทหารรักษาการณ์คนหนึ่งรีบวิ่งออกจากที่พักอย่างเร่งรีบ แต่แทนที่จะต่อสู้กับผู้บุกรุก เขากลับหนีไปนอกค่ายโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเห็นว่าทหารของตนกำลังจะไล่ตามไป หนิงหู่ก็รั้งไว้อย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องสนใจ!”
“อำเภอผิงชางโกลาหลแล้ว รีบไปที่โกดังเพื่อค้นหาเสบียง!”
หนิงหู่นำทหารทั้งหมดออกจากค่ายตรงไปที่คลังเสบียงของอำเภอผิงชาง กลุ่มมือปราบที่เฝ้าคลังเสบียงคุกเข่าลงบนพื้นร้องขอชีวิต พวกเขาเป็นฝ่ายช่วยเปิดคลังแลกกับการไว้ชีวิต ไม่จำเป็นต้องบังคับขู่เข็ญ อีกฝ่ายก็พาเหล่าทหารไปหา ‘เกวียนใหญ่’
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงมอบหมายให้เขาเอาไปเฉพาะของจำเป็นอย่างธนู ลูกธนู อาหาร และถุงน้ำหนังวัวเท่านั้น
แต่ในตอนค้นหาเสบียง เขาเห็นว่ายังมีถังน้ำมันขนาดใหญ่สองถังเก็บไว้ในค่าย หนิงหู่จึงสั่งให้ทหารขนน้ำมันขึ้นเกวียน
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขัดขวางโดยกองทหารม้าเกราะเบาที่อาจเร่งมาให้การช่วยเหลือ ของทุกอย่างจะต้องมีน้ำหนักเบา เขาจึงไม่สามารถหยิบของได้มากนัก หลังจากที่เกวียนขนาดใหญ่สามคันบรรจุของจนเต็ม หนิงหู่ก็ออกคำสั่งให้หยุดการปล้นเสบียงแล้วคุ้มกันเกวียนมุ่งหน้าสู่ประตูเมือง
ในเวลาเดียวกัน เหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมืองยิงสังหารทหารรักษาการณ์ที่พยายามจะออกจากเมืองไปขอความช่วยเหลือได้มากกว่าสิบนาย
แม้ว่าประตูเมืองจะถูกปิดแต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีใครปีนกำแพงออกไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจอยู่อำเภอผิงชางต่อได้นาน พวกเขาต้องรีบออกไปโดยเร็ว
ตำบลหมิงอวิ๋นที่อยู่ห่างจากอำเภอผิงชางไม่ถึงยี่สิบลี้ มีกำลังพลรวมตัวกันกว่าสามพันคน และในเวลาเดียวกันก็มีทหารที่ถูกโยกย้ายมาจากค่ายต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมการค้นหาและปราบปรามทหารศัตรูอย่างต่อเนื่อง
คนที่สั่งการในครั้งนี้คือเฉินผิง แม่ทัพเฝ้าประตูของกองพลพญาอินทรีกองห้าที่ซุ่มโจมตีฉินเฟิง
ขณะที่เฉินผิงและคนของเขากำลังศึกษากลยุทธ์การโจมตีภูเขาในเวลากลางคืน ทหารส่งสารก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา
“ท่านแม่ทัพ แย่แล้วขอรับ อำเภอผิงชางถูกศัตรูปล้นเสบียง! ทหารรักษาการณ์หนีออกมาขอความช่วยเหลือ ขอให้ท่านแม่ทัพส่งกำลังเสริมไปยังอำเภอผิงชางโดยเร็ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งค่ายพลันเงียบสนิท
หลังจากนั้นไม่นาน ขุนพลหยาเจี้ยงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เวลานี้แล้ว ศัตรูยังกล้าลงเขาไปปล้นเสบียงอีกหรือ? คนเหล่านี้กินดีหมีหัวใจเสือเข้าไปหรืออย่างไร?!”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ